กรรมการบอร์ดการท่าเรือเผยเตรียมรื้อรูปแบบการบริหารจัดการท่าเรือแหลมฉบัง ทั้งระยะสั้น และระยะยาว หลังดำเนินการมานานกว่า 30 ปี ตั้งเป้ามุ่งสู่การเป็นท่าเรือระดับโลก (World Class Port) ที่มีบริการด้านโลจิสติกส์ที่เป็นเลิศ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ศาสตราจารย์ ดร.รุธิร์ พนมยงค์ กรรมการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นประธานการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพิจารณาร่างข้อเสนอเชิงนโยบายร่วมกับ World Bank พร้อมด้วย นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กรรมการการท่าเรือ ผู้บริหารการท่าเรือ ผู้แทน World Bank ผู้แทนผู้ประกอบการ และพนักงานการท่าเรือ ระหว่างวันที่ 10-11 มี.ค. ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี

ศาสตราจารย์ ดร.รุธิร์ พนมยงค์ กรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพิจารณาร่างข้อเสนอเชิงนโยบายร่วมกับ World Bank ในการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ประเด็นหลักของท่าเรือแหลมฉบัง คือการมุ่งสู่การเป็นท่าเรือระดับโลก (World Class Port) ที่มีบริการด้านโลจิสติกส์ที่เป็นเลิศ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน การประชุมครั้งนี้ได้มีการหารือ ออกความคิดเห็นร่วมกันในการจัดสรรพื้นที่ของท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อสนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาในอนาคต

รวมทั้งวางกรอบแนวคิดด้านการจัดสรรทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยเฉพาะเรื่องของพื้นที่ ซึ่งท่าเรือแหลมฉบังไม่สามารถขยายได้โดยไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งๆ ที่ปริมาณสินค้ามาจากทั่วโลก ที่ประมาณการไว้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสิ่งที่ท้าทายอีกประการ คือพื้นที่เรามีจำกัดแต่จะทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะผลกระทบต่อชุมชนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ต้องควบคลุมให้ได้ ปัญหาผลกระทบต่อชุมชน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ยากต่อการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง

เนื่องจากแผนพัฒนางานดังกล่าวไม่มีการแก้ไขปรับปรุงมานานกว่า 30 ปีแล้ว และในความเป็นจริงควรจะต้องมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อต้องการข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะจากธนาคารโลก มาแนะนำชี้แนวทาง และที่สำคัญท่าเรือแหลมฉบังพร้อมรับเป็นเจ้าของพื้นที่ เพื่อดำเนินการต่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของการเป็นท่าเรือรูปแบบ World Class มาตรฐานโลกในการให้บริการด้านโลจิสติกส์อย่างดีเยี่ยมและเป็นท่าเรือที่ยั่งยืน

ศาสตราจารย์ ดร.รุธิร์ กล่าวต่อไปว่า การสัมมนาครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการสรุปประเด็นปัญหา ซึ่งจะเป็นแนวทางในการเปลี่ยนแนวความคิดในการพัฒนาท่าเรือโดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่ข้างหลังท่า เพราะเป็นจุดที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและผู้ที่อยู่รอบๆท่าเรือมากที่สุด ซึ่งหลังจากนี้คงต้องมาดูหรือวางแผนกันว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไรกับชุมชนที่ได้รับผลกระทบต่อไป

สำหรับเรื่องเร่งด่วน คือปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น การร้องเรียนปัญหาความแออัด ที่จะต้องรีบดำเนินการจัดการ และต้องควบคู่การมองปัญหาในระยะยาวที่ต้องการให้ท่าเรือไปในทิศทางไหน และในระยะสั้น ที่ต้องดำเนินการ โดยปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุใด เช่น กรณีรถติด ซึ่งไม่ใช่ปัญหาแต่เป็นอาการที่เกิดมาจากสาเหตุอะไร โดยจะมาสรุปว่าเกิดจากพื้นที่ในการรองรับมีไม่เพียงพอ ซึ่งอาจไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน แต่อย่างไรก็ตามจะต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการให้แก้ไขปัญหารถติดภายในระยะเวลา 3 เดือน คาดว่าเราจะสามารถดำเนินการได้เสร็จก่อนแน่นอน

ด้านนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวถึงวิสัยทัศน์และมาสเตอร์แปลนท่าเรือแหลมฉบัง เป็นนโยบายของคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะศาสตราจารย์ ดร.รุธิร์ เป็นผู้ริเริ่มเชิญชวนธนาคารโลก (World Bank) มาจัดทำแผนแม่บทท่าเรือแหลมฉบัง เนื่องจากท่าเรือแหลมฉบัง มีการวางแผนงานและกรอบ จนสร้างความเจริญเติบโตในพื้นที่ ตั้งแต่เฟส 1 เฟส 2 และล่าสุดกำลังมีเฟส 3 ขึ้นมา ดังนั้นการบูรณาการจัดทำแผนแม่บท จากสิ่งที่ท่าเรือแหลมฉบังมีในปัจจุบันและท่าเรือที่จะมีในอนาคต หลังจากที่ธนาคารโลกมีการศึกษาข้อมูล ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่จะเป็นประโยชน์ในการจัดทำแผนแม่บท เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ที่มา - mgronline