นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า แม้บีโอไอจะเดินหน้าสนับสนุนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการ EV3.0 ซึ่งได้เริ่มต้นสายการผลิตไปแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่จำนวนรถ EV ที่ผลิตได้ในไทยขณะนี้ แม้จะเกิน 400,000 คันแล้ว ก็ยังไม่ถึงระดับเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออกยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว
ผู้ผลิตหลายรายกำลังเร่งหาตลาดใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยง หากสถานการณ์ด้านอุปสงค์ทั้งในและนอกประเทศเริ่มดีขึ้น ก็จะเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้สามารถผลิตได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับกำลังการผลิตที่วางไว้ และสร้างความมั่นใจให้กับแผนลงทุนในระยะยาวมากยิ่งขึ้น
สำหรับประเด็นเรื่องการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย นายนฤตม์ระบุว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก โดยในฝั่งของบีโอไอก็กำลังหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกมาตรการรับมือกับผลกระทบทางภาษี และเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบีโอไอในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้
นโยบายที่กำลังจะออกมา จะเป็นการผสมผสานทั้งการปรับปรุงมาตรการเดิมและการเสนอแนวทางใหม่ เพื่อเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ นโยบายการค้า หรือกระแสการลงทุนที่ผันผวน
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคือ แนวทางการส่งเสริมการลงทุนที่ไม่ยึดติดกับสัญชาติของนักลงทุนอีกต่อไป แต่จะให้ความสำคัญกับการสร้างผลประโยชน์ร่วมกับประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบริษัทต่างชาติสู่คนไทย ซึ่งบีโอไอหวังว่าการเปิดกว้างเช่นนี้จะเป็นประตูให้คนไทยได้มีโอกาสเรียนรู้เทคโนโลยีในระดับโลก ผ่านการทำงานร่วมกับบริษัทที่เข้ามาลงทุนในประเทศ
นอกจากนี้ บีโอไอยังมีการประสานความร่วมมือกับสถานทูตไทย สำนักงานพาณิชย์ และสำนักงานบีโอไอในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในจุดหมายสำคัญอย่างเวียดนาม อินโดนีเซีย และตะวันออกกลาง ซึ่งมีชุมชนคนไทยที่เข้มแข็งและเป็นฐานนักลงทุนสำคัญอยู่แล้ว
แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากประเด็นภาษีของสหรัฐฯ แต่นายนฤตม์ยังคงมั่นใจว่าแนวโน้มการลงทุนในปีนี้ยังคงสดใส เพราะประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายที่มีความพร้อมในหลายมิติ ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบซัพพลายเชน บุคลากรที่มีศักยภาพ ระบบพลังงานที่มั่นคงและมีพลังงานสะอาดเพียงพอ รวมถึงพื้นที่อุตสาหกรรมที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยสามารถเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการลงทุนใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์
ประเทศไทยยังคงเป็น “ตัวเลือกที่มั่นคง” ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และบีโอไอเชื่อมั่นว่าด้วยการปรับตัวและความยืดหยุ่นในการออกนโยบาย ไทยจะสามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันและเป็นฐานการลงทุนสำคัญของภูมิภาคต่อไป
ที่มา - thansettakij