เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา นายมารุต ชุ่มขุนทด ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางลงพื้นที่สหกรณ์โคนมด่านขุนทด ตำบลตะเคียน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เพื่อรับฟังปัญหาของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมที่กำลังเผชิญวิกฤติการขายน้ำนมดิบ โดยมีเกษตรกรและคณะกรรมการสหกรณ์ร่วมให้การต้อนรับและสะท้อนสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่
นายมารุตเปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ติดตามและแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรโคนมทั่วประเทศ โดยในพื้นที่ด่านขุนทด เกษตรกรไม่ได้ขายน้ำนมดิบให้กับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (ไทย-เดนมาร์ก) แต่พึ่งพาการรับซื้อจากบริษัทเอกชน ซึ่งปัจจุบันบริษัทเหล่านี้ได้ลดโควต้ารับซื้อจากวันละ 12-13 ตัน เหลือเพียง 3.5 ตัน ทำให้เกษตรกรแบกรับผลกระทบหนัก
สาเหตุสำคัญมาจากการนำเข้านมผงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ออสเตรเลีย–นิวซีแลนด์ ที่เปิดทางให้นมผงทะลักเข้าสู่ตลาดไทยในราคาต่ำ บริษัทเอกชนจึงเลือกใช้นมผงแทนการซื้อนมสด เนื่องจากควบคุมคุณภาพและต้นทุนได้ง่ายกว่า ปัญหานี้ยิ่งรุนแรงขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เพราะช่วงที่ผลผลิตน้ำนมดิบขาดแคลน บริษัทนมจำนวนมากหันไปพึ่งนมผง และเมื่อกลับสู่ภาวะปกติ ก็ไม่ได้หันมารับซื้อนมสดมากเหมือนเดิม
นอกจากปัญหานมดิบแล้ว เกษตรกรยังสะท้อนข้อเรียกร้องด้านอื่น เช่น การขอเปลี่ยนสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก. เป็นโฉนดเพื่อความมั่นคง และการขอรับเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งหลายรายยืนยันว่าได้รับแล้ว ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ย้ำว่า ข้อมูลที่ได้รับจากการลงพื้นที่ครั้งนี้จะถูกนำเสนอต่อรัฐบาล เพื่อหาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรอย่างเร่งด่วน พร้อมขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมสะท้อนความจริงในพื้นที่