มะนิลา, 6 ตุลาคม 2568 — รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศขยายเวลามาตรการ “ห้ามนำเข้าข้าว” ออกไปจนถึงเดือน เมษายน 2569 เพื่อพยุงราคาข้าวภายในประเทศและปกป้องรายได้ของเกษตรกรในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว แม้มาตรการดังกล่าวอาจสร้างแรงหนุนต่อภาคเกษตรกรรมของประเทศ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อราคาข้าวในตลาดโลก ซึ่งเพิ่งร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี

รายงานจากสำนักข่าว บลูมเบิร์ก ระบุว่า นาย ฟรานซิสโก ทิอู ลอเรล จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของฟิลิปปินส์ เปิดเผยต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันจันทร์ว่า รัฐบาลมีแผนอนุญาตให้นำเข้าข้าวเพียงช่วงสั้น ๆ ประมาณ 1 เดือนในเดือนมกราคม 2569 เพื่อจัดหาข้าวจากต่างประเทศราว 300,000 ตัน เท่านั้น ก่อนที่จะกลับมาใช้มาตรการจำกัดนำเข้าอย่างเข้มงวดจนถึงเดือนเมษายน

มาตรการห้ามนำเข้าข้าวของฟิลิปปินส์เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 เดิมทีมีระยะเวลาเพียง 60 วัน แต่รัฐบาลมะนิลาตัดสินใจขยายเวลาออกไป เพื่อให้เกษตรกรในประเทศสามารถจำหน่ายผลผลิตในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวได้ในราคาที่เป็นธรรม โดยให้เหตุผลว่าเป็นการ “สร้างสมดุลระหว่างรายได้เกษตรกรกับเสถียรภาพราคาภายในประเทศ”

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ด้านสินค้าเกษตรเตือนว่า การขยายเวลาห้ามนำเข้าข้าวของฟิลิปปินส์อาจส่งผลต่อ ตลาดข้าวโลก ในเชิงลบ เนื่องจากฟิลิปปินส์ถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก การจำกัดการนำเข้าของประเทศนี้อาจทำให้ความต้องการซื้อข้าวจากตลาดโลกชะลอตัวลง และกดดันให้ราคาข้าวในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตข้าวของโลก ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ราคาข้าวโลกยังได้รับผลกระทบจาก ผลผลิตที่แข็งแกร่งของอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า ราคาข้าวมาตรฐานในเอเชียลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2560 ขณะที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) คาดการณ์ว่า ผลผลิตข้าวทั่วโลกในฤดูกาล 2568–2569 จะเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 556.4 ล้านตัน ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณสำรองข้าวทั่วโลกเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

สำหรับฟิลิปปินส์เอง ภายในสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ประเทศได้นำเข้าข้าวไปแล้วกว่า 3.5 ล้านตัน ซึ่งมากกว่าความต้องการบริโภคในประเทศถึงราว 800,000 ตัน โดยข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) ระบุว่า ฟิลิปปินส์มีแนวโน้มจะนำเข้าข้าวรวมทั้งปี ราว 5 ล้านตัน ในฤดูกาล 2568–2569 ซึ่งสูงกว่าประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่อื่น ๆ เช่นจีน

นักเศรษฐศาสตร์มองว่า แม้มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรในประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้นในระยะสั้น แต่ในระยะยาว ฟิลิปปินส์อาจต้องเผชิญความท้าทายจากราคาข้าวโลกที่ผันผวน รวมถึงแรงกดดันจากผู้ค้าระหว่างประเทศที่มองว่ามาตรการนี้อาจขัดต่อหลักการค้าเสรีขององค์การการค้าโลก (WTO)

ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ซึ่งมีประชากรกว่า 115 ล้านคน เป็นประเทศผู้บริโภคข้าวรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก การตัดสินใจของรัฐบาลมะนิลาจึงมีอิทธิพลโดยตรงต่อสมดุลของตลาดข้าวโลก และอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางราคาข้าวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2569