รัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังพิจารณามาตรการระงับการนำเข้าข้าวเป็นการชั่วคราว หลังราคาข้าวในตลาดโลกลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี ซึ่งแม้จะช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อของผู้บริโภค แต่กลับสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรท้องถิ่นที่ต้องเผชิญกับราคาผลผลิตตกต่ำอย่างต่อเนื่อง
สำนักงานสื่อสารประจำทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เปิดเผยเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมว่า ข้อเสนอดังกล่าวมาจากกระทรวงเกษตร โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องภาคเกษตรกรรมของประเทศจากผลกระทบของราคาข้าวนำเข้าที่ต่ำลง ซึ่งกดทับราคาข้าวภายในประเทศจนต่ำกว่าระดับที่ผู้ผลิตจะสามารถอยู่รอดได้
หนึ่งในข้อเสนอหลักของกระทรวงเกษตรคือ การปรับขึ้นภาษีนำเข้าข้าว และการจำกัดปริมาณการนำเข้ารายปีให้ไม่เกิน 20% ของระดับปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อโรงสีและเกษตรกรในประเทศที่เริ่มได้รับผลกระทบจากราคาที่ตกต่ำ และต้นทุนการผลิตที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
นายฟรานซิสโก ติอู ลอเรล จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า โรงสีหลายแห่งเริ่มหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว และมีแนวโน้มจะทยอยปิดตัวลงถาวร หากสถานการณ์ราคายังไม่ฟื้นตัว ซึ่งจะกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานข้าวภายในประเทศในระยะยาว
ทั้งนี้ รัฐบาลยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาหรือเงื่อนไขที่ชัดเจนในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่เสนอ แต่เบื้องต้นคณะรัฐมนตรีจะนำประเด็นนี้เข้าหารือกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ระหว่างการเดินทางเยือนอินเดียในสัปดาห์นี้
สถานการณ์ในตลาดโลกปัจจุบันบ่งชี้ว่า อุปทานข้าวกำลังฟื้นตัวดีขึ้นในหลายประเทศผู้ส่งออกหลัก เช่น อินเดีย เวียดนาม และไทย ซึ่งส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดเอเชียปรับลดลง โดยเฉพาะข้าวขาวที่แตะระดับราคาต่ำสุดในรอบ 8 ปี จากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการค้า
แม้ว่าผู้บริโภคจะได้ประโยชน์จากราคาข้าวที่ถูกลง โดยเฉพาะในช่วงที่เงินเฟ้อยังสูงอยู่ในหลายประเทศ แต่ผลกระทบที่มีต่อผู้ผลิตต้นน้ำก็เริ่มปรากฏชัดมากขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงฟิลิปปินส์ ซึ่งพึ่งพาการนำเข้าข้าวในสัดส่วนสูงเพื่อเติมเต็มความต้องการภายในประเทศ
นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า หากฟิลิปปินส์เดินหน้าใช้มาตรการจำกัดนำเข้าในช่วงที่ตลาดโลกมีอุปทานมาก อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของราคาข้าวในภูมิภาค และทำให้เกิดแรงกระเพื่อมด้านการค้าในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลยังคงเน้นย้ำว่า มาตรการที่เสนอนั้นมีเป้าหมายหลักเพื่อความมั่นคงทางอาหาร และความยั่งยืนของภาคเกษตรกรรมภายในประเทศเป็นอันดับแรก