โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) เปิดเผยรายงานล่าสุดที่สะท้อนให้เห็นผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมาตรการดังกล่าวได้ส่งแรงสั่นสะเทือนต่อการส่งออกของหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะเวียดนามที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุด การส่งออกไปยังสหรัฐซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของเวียดนามหดตัวลง 2% เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมของปีเดียวกัน

สินค้าในกลุ่มรองเท้า ซึ่งเวียดนามครองตำแหน่งผู้ส่งออกใหญ่อันดับสองของโลก ได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด โดยมูลค่าการส่งออกหดตัวถึง 5.5% หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตัวเลขการส่งออกยังคงขยายตัวต่อเนื่องก่อนที่ภาษีใหม่ของสหรัฐจะมีผลบังคับใช้ ทั้งนี้ ยูเอ็นดีพีคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปีนี้ การส่งออกของเวียดนามไปยังตลาดสหรัฐอาจหดตัวลงมากถึง 19.2% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเกือบสองเท่าของค่าเฉลี่ย 9.7% ที่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคต้องเผชิญ

สำหรับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในอาเซียน ยูเอ็นดีพีประเมินว่าการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐอาจลดลง 12.7% มาเลเซีย 10.4% และอินโดนีเซีย 6.4% โดยผลกระทบนี้อาจยังไม่สะท้อนออกมาเต็มรูปแบบในทันที แต่จะค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม รายงานของยูเอ็นดีพีชี้ว่า ผลกระทบดังกล่าวอาจถูกบรรเทาลงจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้ส่งออกบางรายยอมรับภาระต้นทุนไว้เอง การปรับตัวกระจายตลาดส่งออกไปยังภูมิภาคอื่น ๆ รวมถึงการขยายการบริโภคภายในประเทศ ขณะเดียวกัน รายงานฉบับนี้ยังไม่ได้รวมผลกระทบจากภาษีในอัตราที่สูงกว่าที่สหรัฐประกาศเก็บเพิ่มเติม โดยพุ่งเป้าไปยังสินค้าจากจีน แต่กระทบต่อประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการส่งออกผ่านเส้นทางเหล่านี้ด้วย ซึ่งหากถูกนำมารวมคำนวณ ผลกระทบต่อภูมิภาคนี้อาจยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น