รัฐบาลไทยเตรียมขยับครั้งใหญ่เพื่อรับมือกับแรงกระแทกจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ล่าสุด นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ กระทรวงการคลังจะหารือร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) เพื่อหาทางออกในการช่วยเหลือกลุ่มผู้ส่งออก SME รวมถึงภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากมาตรการตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้นโยบายของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นายพิชัยย้ำว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและประเมินว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดควรเดินหน้าต่อ และมาตรการใดควรชะลอไว้ก่อน โดยเฉพาะในส่วนของโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ที่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ซึ่งต้องอิงกับสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดว่าควรใช้งบประมาณในทิศทางใดมากที่สุดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในภาพรวม
ส่วนงบประมาณรายจ่ายปี 2569 ที่หลายฝ่ายจับตามอง นายพิชัยระบุว่า ยังสามารถใช้กรอบงบปี 2568 ได้ในบางโครงการ หากมีความจำเป็นและสามารถปรับงบได้ทัน ขณะที่การวางแผนระยะกลางและยาวจะมีความสำคัญยิ่งยวดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจโลกเช่นนี้
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า เร็ว ๆ นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะนโยบายการค้าระหว่างประเทศซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่รัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ แต่ต้องเตรียมรับมือให้ดีที่สุด
เขาระบุว่า รัฐบาลจะต้องมองภาพรวมเศรษฐกิจในหลายมิติ ทั้งการบริโภค การลงทุน การส่งออก การบริหารความเสี่ยง และการใช้นโยบายการคลังอย่างรอบคอบ โดยย้ำว่าไม่ควรยึดติดกับแนวคิดว่า "การลงทุนภาครัฐ" คือคำตอบเดียว เพราะเศรษฐกิจที่ดีต้องเกิดจากความสมดุลของกลไกต่าง ๆ ที่ทำงานสอดรับกัน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นการบริโภคหรือการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความเห็นว่า “กระสุนทางการคลัง” มีจำกัด และไม่ควรใช้มาตรการกระตุ้นผ่านการบริโภคเพียงอย่างเดียว นายเผ่าภูมิมองว่า แม้ข้อกังวลนี้จะมีเหตุผล แต่รัฐบาลก็ต้องมองความเหมาะสมเป็นรายกรณี พร้อมปรับนโยบายให้ยืดหยุ่น และใช้เครื่องมือที่หลากหลายสอดคล้องกับสถานการณ์เฉพาะหน้า
ในส่วนของการเจรจากับสหรัฐฯ นั้น นายเผ่าภูมิระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ โดยมียุทธศาสตร์รองรับอย่างชัดเจน ภายใต้การพิจารณาเงื่อนไขการเจรจาอย่างรอบด้าน ทั้งสิ่งที่ไทยสามารถยื่นข้อเสนอ สิ่งที่ควรรักษาไว้ และสิ่งที่อาจต้องใช้เป็นเครื่องมือเจรจา โดยเป้าหมายสำคัญคือการรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ และพาเศรษฐกิจไทยผ่านความท้าทายจากแรงสั่นสะเทือนนโยบายต่างประเทศครั้งนี้ไปให้ได้อย่างดีที่สุด
ที่มา - infoquest