ราคาพริกไทยในเวียดนามประจำวันที่ 9 กันยายน ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 150,000–152,000 ดองต่อกิโลกรัม โดยในเขตเพาะปลูกสำคัญอย่างดั๊กลักและลัมดงซื้อขายที่ 152,000 ดองต่อกิโลกรัม จังหวัดย่าลายอยู่ที่ 150,000 ดองต่อกิโลกรัม ส่วนภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้อย่างนครโฮจิมินห์และด่งนายคงระดับที่ 151,000 ดองต่อกิโลกรัม ทั้งหมดไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า
ตลอด 8 เดือนแรกของปี 2568 เวียดนามนำเข้าพริกไทยรวม 34,524 ตัน มูลค่า 215.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นพริกไทยดำ 29,297 ตัน และพริกไทยขาว 5,227 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่าปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้นกว่า 61% ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้นมากถึง 143% การขยายตัวที่ต่างกันเกือบสองเท่านี้สะท้อนว่าราคานำเข้าพริกไทยเฉลี่ยสูงขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบการเวียดนามต้องแบกรับต้นทุนมากขึ้นสำหรับการแปรรูปและการส่งออก
บราซิลยังคงเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนามด้วยปริมาณ 17,506 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 117% คิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งของการนำเข้าทั้งหมด กัมพูชาอยู่อันดับสองด้วย 8,539 ตัน และอินโดนีเซีย 6,326 ตัน แม้ทั้งสองประเทศจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น แต่ส่วนแบ่งตลาดกลับลดลง เนื่องจากต้องแข่งขันกับอุปทานที่มีเสถียรภาพและราคาต่ำจากบราซิล
ในด้านบริษัทผู้นำเข้า Olam ยังคงเป็นผู้นำด้วยปริมาณ 8,268 ตัน เพิ่มขึ้นกว่า 10% ตามมาด้วย Pearl ที่ 2,823 ตัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 2.4% ขณะที่ Nedspice ขยายตัวโดดเด่นที่สุดถึง 363% เป็น 2,287 ตัน สะท้อนกลยุทธ์การรุกเข้าสู่ตลาดอย่างแข็งขัน
สถานการณ์ตลาดโลกยังคงทรงตัว โดยข้อมูลจากสมาคมพริกไทยนานาชาติ (IPC) ณ วันที่ 8 กันยายน ระบุว่าพริกไทยดำลัมปุงของอินโดนีเซียอยู่ที่ 7,086 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน พริกไทยขาวมุนต็อก 10,042 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่วนพริกไทยดำ ASTA ของบราซิลขายที่ 6,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน มาเลเซียคงราคาพริกไทยดำ ASTA ที่ 9,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และพริกไทยขาว ASTA ที่ 12,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สำหรับเวียดนาม พริกไทยดำขนาด 500 กรัม/ลิตร อยู่ที่ 6,240 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ขนาด 550 กรัม/ลิตร อยู่ที่ 6,370 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ขณะที่พริกไทยขาวทรงตัวที่ 9,150 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ทั้งหมดไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า