SCB EIC ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ "สินค้าจีนล้นทะลัก" (China Flooding) อย่างรุนแรง ซึ่งกำลังกัดเซาะภาคการผลิตภายในประเทศโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องแข่งขันกับสินค้าจีนที่มีต้นทุนต่ำ ขณะเดียวกัน การส่งออกของไทยที่ดูเหมือนจะขยายตัวสวนทางกับมูลค่าการผลิตเพื่อส่งออกในภาคอุตสาหกรรมไทยที่กลับไม่เติบโตและปรับตัวลง ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมการ "สวมสิทธิ์" ที่เริ่มส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ
รายงานดังกล่าวยังเผยอีกว่า มีโรงงานในประเทศไทยกว่า 3,000 แห่ง หรือคิดเป็นประมาณ 5% ของสถานประกอบการทั่วประเทศ ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็น "ช่องทางสวมสิทธิ์" ให้สินค้าจากจีน โดยมีการนำเข้าสินค้าสำเร็จรูปจากจีนเข้ามาเพื่อเปลี่ยนฉลาก หรือมีการประกอบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่จะส่งออกต่อไปยังประเทศที่สามในฐานะสินค้า "Made in Thailand" พฤติกรรมนี้พบมากในอุตสาหกรรมสำคัญๆ เช่น แผงวงจรไฟฟ้า, แผงโซลาร์เซลล์, พลาสติก, อะลูมิเนียม และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวต่อการแข่งขันจากจีนโดยตรง
สถานการณ์เช่นนี้กำลังเปลี่ยนบทบาทของไทยจาก "ฐานการผลิต" ให้กลายเป็นเพียง "ทางผ่าน" ของสินค้าจากเอเชียขนาดใหญ่ ในขณะที่ผู้ผลิตในประเทศกลับต้องเผชิญกับการเบียดบังทางการตลาดและการถูกแทนที่อย่างเงียบงัน ท่ามกลางระบบการค้าที่มีการแข่งขันรุนแรงขึ้นทุกขณะ
จีนถล่มตลาดไทย: นำเข้าสูงสุดในอาเซียน ขาดดุลมากสุดในรอบ 2 ปี
SCB EIC ชี้ว่า ปัจจุบันไทยกำลังก้าวสู่บทบาทใหม่ในภูมิภาคในฐานะจุดยุทธศาสตร์หลักของจีนสำหรับการกระจายสินค้าส่งออกไปยังตลาดโลก ข้อมูลล่าสุดระบุว่า มูลค่าการส่งออกจากจีนมายังไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 เติบโตสูงถึง 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงที่สุดในกลุ่มอาเซียน สะท้อนให้เห็นว่าไทยได้กลายเป็นปลายทางสำคัญของสินค้า "เมดอินไชน่า" ในภูมิภาค
แนวโน้มนี้ไม่ใช่แค่ความผันผวนระยะสั้น แต่เป็นกระแสที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562–2567 โดยในช่วงเวลาดังกล่าว มูลค่าการส่งออกของจีนมายังไทยเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 14% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 7% และของอาเซียนที่ 10% เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน ไทยยังมีอัตราการนำเข้าสินค้าจากจีนที่เติบโตเร็วที่สุดในไตรมาสแรกของปี 2568 ที่ 18% ในขณะที่เวียดนามอยู่ที่ 16%, อินโดนีเซีย 12% และมาเลเซียเพียง 3% ตัวเลขเหล่านี้ตอกย้ำบทบาทของไทยในฐานะตลาดสำคัญที่ขับเคลื่อนการส่งออกของจีนในอาเซียน
นอกจากนี้ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 จีนยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเติบโตของมูลค่านำเข้ารวมของไทย โดยมีส่วนร่วมต่อการขยายตัวถึง 7 จุดเปอร์เซ็นต์ จากการเติบโตโดยรวมที่ 9.6 จุดเปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ภูมิภาคอื่น เช่น อาเซียนและสวาซิแลนด์ มีบทบาทน้อยกว่ามาก (1.8 และ 1.7 จุดเปอร์เซ็นต์ตามลำดับ) ตรงกันข้ามกับประเทศและภูมิภาคอย่าง EU28, ไต้หวัน, แอฟริกาใต้ และกลุ่มประเทศอื่น ๆ ที่กลับส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการเติบโตของการนำเข้ารวมของไทย