กรมสรรพสามิตเปิดเกมรุกสร้างฐานรายได้ใหม่ ด้วยการกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์โบราณนำเข้าในอัตรา 45% โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการสร้างตลาดใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ ควบคู่ไปกับการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของการจัดแสดงและบูรณะรถยนต์คลาสสิกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า มาตรการนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่กรมฯ ได้ออกภาษีประเภทใหม่ โดยรถยนต์โบราณที่นำเข้าจะได้รับสิทธิประโยชน์จากอัตราภาษีศุลกากรที่ 0% ขณะที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตในอัตราที่กำหนด เพื่อให้เกิดการขยายฐานรายได้ในรูปแบบใหม่ พร้อมทั้งตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์

การกำหนดภาษีสำหรับรถยนต์โบราณมีเป้าหมายหลายด้าน ไม่เพียงแต่สร้างความชัดเจนทางภาษี หากยังมุ่งเสริมศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการจัดแสดงและการฟื้นฟูรถโบราณ เนื่องจากประเทศมีช่างฝีมือที่ได้รับการยอมรับจากต่างชาติ และมีศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบูรณะให้เติบโต นอกจากนี้ ยังช่วยเปิดโอกาสให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่อง ตั้งแต่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนทดแทน ไปจนถึงการท่องเที่ยวเชิงงานแสดงรถคลาสสิก

สำหรับนิยามของ “รถยนต์โบราณ” นั้น กรมสรรพสามิตอ้างอิงตามมาตรฐานสากล คือ รถที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และต้องเป็นรถที่สามารถใช้งานได้จริง โดยจะต้องผ่านการตรวจรับรองจากหน่วยงานในต่างประเทศก่อนการนำเข้า เมื่อนำเข้ามาแล้ว รถเหล่านี้จะได้รับการจดทะเบียนพิเศษที่แตกต่างจากรถทั่วไป โดยมีเงื่อนไขการใช้งานเฉพาะ เช่น อนุญาตให้วิ่งบนถนนได้เฉพาะวันหยุดเสาร์–อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ หากต้องการใช้งานในวันอื่นเพื่อการจัดแสดงหรือกิจกรรมพิเศษ ผู้ครอบครองต้องยื่นคำขออนุญาตเป็นกรณีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

แม้รถโบราณที่นำเข้าจะมีราคาสูงและตลาดค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม แต่กรมสรรพสามิตประเมินว่ามาตรการใหม่นี้จะสามารถสร้างรายได้จากภาษีสรรพสามิตได้ประมาณ 1,000–2,000 ล้านบาทต่อปี และเมื่อรวมผลกระทบทางอ้อมจากกิจกรรมเศรษฐกิจต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิ้นส่วน อุตสาหกรรมซ่อมบูรณะ ตลอดจนการจัดงานอีเวนต์ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็จะยิ่งช่วยขยายมูลค่าเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

มาตรการภาษีรถยนต์โบราณจึงไม่ได้เป็นเพียงการเก็บรายได้เพิ่มเท่านั้น แต่ยังสะท้อนยุทธศาสตร์การยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทย ให้กลายเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยน การจัดแสดง และการบูรณะรถคลาสสิกในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยสร้างทั้งรายได้ ภาพลักษณ์ และการเติบโตเชิงคุณค่าให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอีกมิติหนึ่ง