ส่งออกกุ้งไทยปี 2569 ส่อฟื้นแรง หลังสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าอินเดีย หนุนโอกาสแข่งขัน-ดันอุตสาหกรรมสู่จุดพลิกฟื้น

เนื้อหา (เรียบเรียงใหม่ทั้งหมด ไม่มี bullet point):
อุตสาหกรรมกุ้งไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวในปี 2569 จากปัจจัยสำคัญด้านการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะมาตรการขึ้นภาษีนำเข้ากุ้งของสหรัฐต่ออินเดีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ ทำให้อัตราภาษีรวมของอินเดียพุ่งขึ้นกว่า 50–60% ขณะที่ไทยถูกจัดเก็บเพียงราว 19% ส่งผลให้ไทยมีโอกาสด้านราคาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในตลาดหลักของสหรัฐ

นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย พร้อมคณะผู้บริหารสมาคมกุ้งไทยและสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย แถลงถึงสถานการณ์อุตสาหกรรมกุ้งโลกและแนวโน้มของไทยในปี 2569 โดยระบุว่าผลผลิตกุ้งไทยในปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 270,000 ตัน ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แม้จะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวนในช่วงต้นปี ปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น และโรคระบาดในบ่อเพาะเลี้ยง เช่น โรคขี้ขาว และโรคตัวแดงดวงขาว ความไม่มั่นคงของคุณภาพน้ำทำให้เกษตรกรจำนวนมากต้องจับกุ้งเร็วกว่ารอบปกติ ประกอบกับมหาอุทกภัยในภาคใต้ซึ่งสร้างความเสียหายหนักในจังหวัดสงขลา สตูล และปัตตานี

สมาคมฯ ประเมินความเสียหายเบื้องต้นจากอุทกภัยครั้งนี้ไว้ที่ราว 1,000 ล้านบาท ทั้งจากปริมาณกุ้งที่สูญหายในบ่อเพาะเลี้ยงและอุปกรณ์จำเป็น เช่น เครื่องตีน้ำและระบบในฟาร์มที่ถูกทำลาย จึงมีข้อเสนอให้รัฐบาลและกระทรวงพลังงานร่วมกันจัดสรรงบประมาณเพื่อฟื้นฟูอุปกรณ์เพาะเลี้ยงอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกษตรกรสามารถกลับมาเลี้ยงกุ้งได้ทันในรอบการผลิตถัดไป

ด้านโครงสร้างผลผลิตของประเทศยังคงใกล้เคียงเดิม โดยภาคใต้ตอนบนมีสัดส่วนสูงที่สุดที่ราว 37% ตามด้วยภาคใต้ฝั่งอันดามัน 23% ภาคตะวันออก 19% ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย 11% และภาคกลาง 10% ขณะที่การส่งออกช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 มีปริมาณ 106,306 ตัน มูลค่า 32,881 ล้านบาท ลดลง 6% จากปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งกระทบตลาดคู่ค้าหลักทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น และจีน อย่างไรก็ตาม ตลาดบริโภคภายในประเทศกลับขยายตัวอย่างโดดเด่น คิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของผลผลิตทั้งหมด โดยราคากุ้งในประเทศช่วงครึ่งปีแรกปรับเพิ่ม 10–15% จากความต้องการบริโภคที่ดีขึ้น ก่อนจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยในไตรมาสสามจากสภาพอากาศที่ทำให้เกษตรกรเร่งจับขายก่อนเวลา

สำหรับภาพรวมระดับโลก คาดว่าปริมาณการผลิตกุ้งปี 2568 จะอยู่ที่ 5.22 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% โดยผู้ผลิตหลักอย่างเอกวาดอร์และจีนมีการขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง ขณะที่ไทยยังคงทรงตัวที่ 270,000 ตัน

นายเอกพจน์เน้นว่า ปี 2569 จะเป็นปีสำคัญของการพลิกฟื้นอุตสาหกรรมกุ้งไทย เนื่องจากปัจจัยภายนอกเอื้อต่อการแข่งขัน โดยเฉพาะมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐที่ทำให้ไทยได้เปรียบด้านราคา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยต้องเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ตามเป้า 400,000 ตัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ห้องเย็นและผู้ซื้อในตลาดโลก พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งผลักดันการยกระดับมาตรฐานฟาร์ม การเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาโครงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาร์บอนต่ำ เพื่อตอบโจทย์ตลาดโลกที่ให้ความสำคัญต่อความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

เขาย้ำว่าพรรคการเมืองที่จะเสนอตัวเป็นรัฐบาลในอนาคตควรกำหนดนโยบายเกษตรที่ชัดเจน โดยเฉพาะการฟื้นฟูอุตสาหกรรมกุ้งไทย ซึ่งติดหล่มปัญหาผลผลิตระดับ 270,000 ตันมานาน การฟื้นตัวของตลาดโลกในปี 2569 เปิดโอกาสสำคัญ แต่ไทยต้องเร่งผลิตให้เพียงพอ เพื่อกลับมายึดส่วนแบ่งตลาดที่สูญเสียไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา.