นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยสถานการณ์การส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญของไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–สิงหาคม) ว่า การส่งออกข้าวยังคงเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก โดยมีปริมาณส่งออกเพียง 5.04 ล้านตัน ลดลงถึง 23.98% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีมูลค่า 2,987 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 99,061 ล้านบาท หดตัว 30.58% สาเหตุหลักมาจากหลายประเทศผู้ส่งออกและผู้นำเข้ามีผลผลิตเพิ่มขึ้นจนทำให้ปริมาณข้าวในตลาดโลกล้น ขณะที่ความต้องการซื้อกลับลดลง โดยเฉพาะผู้นำเข้าหลักอย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่ชะลอการนำเข้า อีกทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่าก็ยิ่งซ้ำเติมความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทย
กรมการค้าต่างประเทศยังคงเร่งผลักดันการส่งออกข้าวเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด โดยเดินหน้าการเจรจากับคู่ค้าสำคัญอย่างญี่ปุ่นและจีน รวมทั้งการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐกับคอฟโกของจีนที่ยังคงเหลือสัญญาส่งออกอีก 280,000 ตัน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือกับผู้นำเข้าข้าวในฮ่องกง เพื่อขยายตลาดข้าวขาวและข้าวนึ่งไปยังอิรักและซาอุดีอาระเบีย โดยตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวทั้งปีที่ 7.5 ล้านตัน
สำหรับสินค้ามันสำปะหลัง ช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้มีปริมาณการส่งออก 6.37 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 36.70% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ส่งออกเพียง 4.66 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกกลับลดลง เนื่องจากราคามันสำปะหลังในตลาดโลกลดลงตามแรงกดดันจากราคาข้าวโพดเลี้ยง โดยปีนี้มีมูลค่าส่งออกเพียง 69,888.12 ล้านบาท ลดลง 12.93% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีมูลค่า 80,266.47 ล้านบาท
กรมฯ ยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าแผนส่งเสริมการตลาดตลอดทั้งปี 2568 โดยมุ่งเน้นการเปิดตลาดใหม่ที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมต่อเนื่องหลายด้าน อาทิ อาหารสัตว์ อาหารคน เคมีภัณฑ์ กาว และกระดาษ โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะจัดคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนเดินทางไปเจรจาเชิงพาณิชย์ในญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน รวมถึงทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป เพื่อผลักดันการส่งออกมันสำปะหลังให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ที่ 7.5 ล้านตันในปีนี้