ในขณะที่เศรษฐกิจโลกผันผวนและตลาดที่อยู่อาศัยในไทยชะลอตัวลงอย่างหนัก กลุ่มบิ๊กอสังหาริมทรัพย์ไทยกลับเร่งเดินหน้าหา “เครื่องยนต์ใหม่” เพื่อกระจายความเสี่ยงและต่อยอดการเติบโต โดยหันมาจับธุรกิจโลจิสติกส์ คลังสินค้า และนิคมอุตสาหกรรมสีเขียว ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการสูงในยุคอีอีซีเฟสใหม่ โดยเฉพาะตามแนวโครงข่ายเศรษฐกิจสำคัญอย่างโซนบางนา-ตราด ที่กำลังกลายเป็น “เกตเวย์” เชื่อมกรุงเทพฯ สู่เมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

ล่าสุด บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเกมรุกสู่ธุรกิจโลจิสติกส์สีเขียว ด้วยการร่วมทุนกับยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น “มิตซูบิชิ โลจิสติคส์” พัฒนาโครงการ “SENA MLC 1” คลังสินค้าและโรงงานขนาดใหญ่ย่านบางนา กม.23 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มิตซูบิชิ โลจิสติคส์ เข้ามาร่วมทุนกับภาคเอกชนไทย ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานโลจิสติกส์ไทยให้เข้าสู่ระดับสากล

ขณะเดียวกัน บมจ. มั่นคงเคหะการ ก็ประกาศลงทุนกว่า 6,500 ล้านบาท พัฒนานิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ย่านบางนา-ตราด กม.19 บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ โดยจับมือกับกลุ่มบีทีเอสและบริษัทในเครือ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ที่เชี่ยวชาญธุรกิจนิคมโดยเฉพาะ พร้อมปิดฉากพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อมุ่งสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมอย่างเต็มตัว

แสนสิริเองก็ไม่รอช้า ร่วมทุนกับพรอสเพคฯ ตั้งบริษัทร่วมทุน “บีเอฟทีแซด บางปะกง” พัฒนาพื้นที่คลังสินค้ากว่า 1 แสนตารางเมตร ด้วยเงินลงทุน 500 ล้านบาท ตอบโจทย์กลุ่มอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่กำลังมองหาพื้นที่คลังใกล้โซนอุตสาหกรรมใหญ่

ส่วนยักษ์ใหญ่อย่าง เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ภายใต้การนำของ “ปณต สิริวัฒนภักดี” ได้เดินหน้าพัฒนา “อารยะ ดิ อิสเทิร์น เกตเวย์” บนพื้นที่กว่า 4,600 ไร่ย่านบางนา-ตราด กม.32 ร่วมกับสวนอุตสาหกรรมโรจนะและนิคมเอเชีย มุ่งสร้างเมืองนวัตกรรมและอุตสาหกรรมครบวงจร ด้วยงบเฟสแรกกว่า 2 หมื่นล้านบาท และเริ่มมีนักลงทุนต่างชาติทยอยซื้อที่ดินแล้ว

อีกด้านหนึ่ง SC Asset ภายใต้ตระกูลชินวัตร เปิดตัว “SCX” บริษัทลูกใหม่ ลุยธุรกิจคลังสินค้าร่วมกับ Flash Group พร้อมดึง “โตเกียว ทาเทโมโนะ” ยักษ์อสังหาฯ จากญี่ปุ่นเข้าร่วมทุนในสองทำเลทอง คือ บางนา-ตราด กม.20 และแหลมฉบัง เพื่อรองรับดีมานด์จากอีคอมเมิร์ซและอุตสาหกรรมยานยนต์

Origin Property ก็ขยายฐานผ่านการร่วมทุนกับ JWD พัฒนาโครงการคลังสินค้าบนถนนพหลโยธิน กม.33 โดยมี Tokyu Land Asia เข้าร่วมลงทุนด้วย เป้าหมายคือสร้างคลังสินค้าสำเร็จรูปให้เช่ากว่า 1 ล้านตารางเมตรในระยะยาว

ฝั่งของ Pruksa ก็ร่วมกับ Capitaland SEA และ Mitsui O.S.K. Lines จัดตั้งกองทุน CapitaLand SEA Logistics Fund เพื่อพัฒนาอาคารคลังสินค้าให้เช่าทั้งในไทยและอาเซียน ด้วยเงินทุนเริ่มต้นกว่า 10,000 ล้านบาท

ไม่เว้นแม้แต่ Singha Estate ที่พัฒนา “นิคมอุตสาหกรรมเอส อ่างทอง” บนพื้นที่กว่า 1,700 ไร่ เพื่อรองรับการลงทุนของกลุ่มอุตสาหกรรมในอนาคต

นายสุรเชษฐ กองชีพ จาก Cushman & Wakefield ประเทศไทย สะท้อนว่า การที่กลุ่มอสังหาฯ หันมารุกธุรกิจโลจิสติกส์ เป็นเพราะยังเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมไทย แม้ต้องเผชิญความไม่แน่นอนจากนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ แต่ไทยและอาเซียนยังถือเป็นเป้าหมายหลักของนักลงทุนที่มองหาสาธารณูปโภคที่พร้อมและการเชื่อมต่อภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพ

เมื่อผสานกับความต้องการของผู้ผลิตและซัพพลายเชนยุคใหม่ โอกาสในธุรกิจโลจิสติกส์จึงไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” ของธุรกิจอสังหาฯ อีกต่อไป แต่คือ “ทางรอด” และ “ทางรวย” ที่ทุกคนกำลังเร่งปักหมุดครองตลาด

ที่มา - thansettakij