เมียนมาวางเป้าหมายใหม่ในการส่งออกยางพาราในปีงบประมาณ 2568-2569 (เมษายน 2568 – มีนาคม 2569) โดยมุ่งหวังผลักดันยอดส่งออกให้ได้ระหว่าง 350,000 – 380,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถส่งออกได้ราว 300,000 ตัน และสร้างรายได้เข้าประเทศเกือบ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เจ้าหน้าที่จากสมาคมผู้ปลูกและผู้ผลิตยางพาราของเมียนมาเปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า การส่งออกยางพารายังคงเป็นหนึ่งในเครื่องจักรหลักของภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะตลาดจีนที่ยังคงเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของเมียนมา คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 75% ของยอดส่งออกยางพาราทั้งหมด ขณะที่ตลาดอื่นๆ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม อินเดีย และญี่ปุ่น ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญ

ข้อมูลจาก “โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมา” ซึ่งเป็นสื่อภาครัฐระบุว่า ปัจจุบันเมียนมามีพื้นที่ปลูกยางพารารวมกว่า 1.4 ล้านเอเคอร์ทั่วประเทศ โดยรัฐมอญยังคงครองตำแหน่งแหล่งปลูกยางรายใหญ่ที่สุด รองลงมาคือพื้นที่ในภูมิภาคตะนาวศรี และรัฐกะเหรี่ยง

ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาดการค้าโลก เมียนมายังคงเดินหน้าขยายกำลังการผลิตและเพิ่มศักยภาพการส่งออกในอุตสาหกรรมยางพาราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจกลายเป็นหมากสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้