ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2025 เหลือเพียง 1.8% จากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ 2.9% โดยชี้ว่าผลกระทบหลักมาจากสงครามการค้า (Trade War) ที่ยังยืดเยื้อและสร้างความไม่แน่นอนต่อทั้งตลาดโลกและภาคการส่งออกของไทยโดยตรง ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ในรายงาน Thailand Economic Monitor ฉบับล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เวิลด์แบงก์เตือนว่า แม้ภาพรวมการส่งออกในไตรมาสแรกของปีดูสดใส แต่ก็เป็นผลจากการเร่งส่งออกล่วงหน้า (Front-loading) ก่อนมาตรการภาษีจากฝั่งสหรัฐจะมีผลจริง หลังจากช่วงผ่อนผัน 90 วันของรัฐบาลทรัมป์สิ้นสุดลง ทำให้ช่วงเวลาที่เหลือของปีอาจเผชิญภาวะชะลอตัวและกดดันจีดีพีในภาพรวม
เมื่อเปรียบเทียบกับประมาณการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งยังคงคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเติบโตได้ที่ 2.3% ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างด้านมุมมองต่อปัจจัยความเสี่ยง โดยเฉพาะแนวโน้มสงครามการค้าและการฟื้นตัวของภาคเอกชนที่ยังเปราะบาง ขณะที่เวิลด์แบงก์ยังเตือนว่า “เงินเฟ้อไทย” กำลังอยู่ในระดับใกล้ศูนย์ ซึ่งต่ำกว่ากรอบเป้าหมายนโยบายของ ธปท. และอาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ดร.เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของเวิลด์แบงก์ กล่าวในรายการ กรุงเทพธุรกิจ Deeptalk ว่า หากมองภาพใหญ่ของเศรษฐกิจไทย จะพบว่าโครงสร้างพื้นฐานของประเทศกำลังเผชิญกับ “เนิน 3 ลูก” ที่ขวางการเติบโตในระยะยาว ได้แก่ ปัญหาสังคมสูงอายุที่ลดทอนแรงงาน ความล้าหลังด้านทักษะดิจิทัลของทุนมนุษย์ และระบบการคลังที่ยังไม่ยืดหยุ่นพอจะลงทุนเพื่ออนาคตโดยไม่สร้างภาระหนี้
ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งภายนอกและภายใน รายงานของเวิลด์แบงก์จึงไม่เพียงส่งสัญญาณเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจระยะสั้น แต่ยังชี้ให้เห็นถึงภารกิจเชิงโครงสร้างที่ไทยต้องเร่งลงมือ หากหวังจะกลับมาสู่เส้นทางเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกเศรษฐกิจใหม่ที่แข่งขันสูงและพลิกผันอย่างรวดเร็ว
ที่มา - bangkokbiznews