เศรษฐกิจสหรัฐเร่งตัวแรงสุดในรอบ 2 ปี GDP ไตรมาส 3 โต 4.3% รับแรงหนุนบริโภค–ลงทุนเอกชน

เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 ด้วยอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบสองปี สะท้อนพลังการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่ยังเดินหน้าได้ดี ท่ามกลางนโยบายการค้าที่ผ่อนคลายลง และการลงทุนด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI)

รายงานจากสำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐ (BEA) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ปรับตามเงินเฟ้อแล้ว เพิ่มขึ้นในอัตรา 4.3% ต่อปี สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ และเร่งตัวจากระดับ 3.8% ในไตรมาสก่อนหน้า แม้รายงานจะล่าช้าเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล แต่ข้อมูลสะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังรักษาโมเมนตัมการเติบโตได้ดีในช่วงกลางปี

แรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตรา 3.5% ต่อปี โดยเฉพาะภาคบริการ เช่น การดูแลสุขภาพและการเดินทางระหว่างประเทศ ขณะที่การใช้จ่ายด้านยานยนต์ชะลอลงเล็กน้อย สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มระมัดระวังมากขึ้นในบางหมวด

ภาคธุรกิจยังคงเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง การลงทุนโดยรวมขยายตัว 2.8% โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการใช้จ่ายด้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูล ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเทคโนโลยี AI และมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ภาคการผลิตโดยรวมยังฟื้นตัวอย่างจำกัด

ด้านการค้าระหว่างประเทศ การส่งออกสุทธิกลับมาเป็นแรงหนุนสำคัญต่อเศรษฐกิจ โดยช่วยเพิ่มการเติบโตของ GDP ราว 1.6 จุดร้อยละ หลังจากผันผวนในช่วงครึ่งแรกของปี อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของดุลการค้าและสินค้าคงคลังทำให้ตัวเลข GDP โดยรวมอาจบิดเบือน นักเศรษฐศาสตร์จึงให้ความสำคัญกับตัวชี้วัด “ยอดขายขั้นสุดท้ายแก่ผู้ซื้อเอกชนในประเทศ” มากขึ้น ซึ่งเพิ่มขึ้น 3% ถือเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบหนึ่งปี และสะท้อนอุปสงค์ที่แท้จริงของภาคเอกชนได้ชัดเจนกว่า

แม้เศรษฐกิจจะเติบโตดี แต่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงอยู่ รายงานระบุว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อหลักของธนาคารกลางสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.9% ในไตรมาสที่ 3 ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ส่งผลให้เจ้าหน้าที่เฟดมีความระมัดระวังในการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะปรับลดเพียงครั้งเดียวในปี 2026 หลังจากลดต่อเนื่องในช่วงปลายปีนี้

ธนาคารกลางสหรัฐมองว่า นโยบายการคลังที่ยังสนับสนุนเศรษฐกิจ การลงทุนด้านศูนย์ข้อมูล AI และการบริโภคของครัวเรือนที่ยังไม่สะดุด จะช่วยพยุงการเติบโตในปีหน้า แม้ตลาดแรงงานเริ่มอ่อนตัวและค่าครองชีพที่สูงขึ้นอาจกระทบกำลังซื้อของบางกลุ่ม โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้ต่ำ

ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ห้าในเดือนธันวาคม ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 สะท้อนความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ภาษี และความไม่แน่นอนทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินยังตอบรับเชิงบวก ดัชนี S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงเล็กน้อย

ด้านผลประกอบการภาคธุรกิจ รายงานระบุว่ากำไรบริษัทเพิ่มขึ้น 4.2% ในไตรมาสที่ 3 ถือเป็นการปรับขึ้นมากที่สุดของปี และแม้มาร์จิ้นจะเริ่มแคบลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า แต่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ

แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะระบุว่าภาษีนำเข้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในอัตรา 2.3% สะท้อนว่าผลกระทบจากภาษีและเงินเฟ้อยังจำกัดการเติบโตในระยะยาว

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า แม้การปิดหน่วยงานรัฐบาลอาจกระทบเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี แต่พื้นฐานเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในปี 2026 จากแรงหนุนด้านการคลัง การลงทุนเทคโนโลยี และการใช้จ่ายของภาคเอกชน