ดร.ยอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุน และการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ออกมาเตือนว่า หากไทยไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเจรจาลดอัตราภาษีนำเข้ากับสหรัฐฯ ได้สำเร็จในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยและภาคส่งออกสะดุดแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอัตราภาษีนำเข้ายังอยู่ในระดับสูงถึง 36% เพราะเท่ากับว่าสินค้าไทยไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าจีนในตลาดโลกได้
เขาระบุว่า จุดตัดสำคัญของแนวโน้มเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังคือผลลัพธ์ของการเจรจาการค้า หากไทยสามารถลดภาษีลงมาอยู่ในกรอบ 10-15% ได้ เศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสเดินหน้าต่ออย่างมีเสถียรภาพ และตัวเลขจีดีพีน่าจะยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่หากการเจรจาไม่คืบหน้า และไทยยังคงเผชิญอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 36% โอกาสที่จีดีพีครึ่งปีหลังจะติดลบเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก รวมถึงภาคส่งออกอาจพลิกกลับมาเป็นลบ ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
อีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ไม่อาจมองข้ามคือเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ ดร.ยอนุสรณ์ชี้ว่า หากเกิดความเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรีหรือทีมเจรจาระหว่างช่วงเวลาเจรจาสำคัญ อาจสร้างอุปสรรคในการดำเนินการให้ลุล่วงตามกรอบเวลา ส่งผลให้ไทยเสียเปรียบเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในเอเชียที่มีความต่อเนื่องและเสถียรภาพมากกว่า นั่นหมายความว่า ไม่เพียงแต่ประเด็นภาษีนำเข้าเท่านั้น แต่เสถียรภาพทางการเมืองของไทยก็กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่จะชี้ชะตาเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้เช่นกัน
ในด้านตลาดทุน ดร.ยอนุสรณ์ประเมินว่า สถานการณ์ที่ยังเปราะบางในหลายพื้นที่ของโลก รวมถึงความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า อาจผลักดันให้นักลงทุนและกองทุนกลับมาให้ความสนใจกับสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นมากขึ้น เงินสดและทองคำซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอาจถูกลดสัดส่วนลงในระยะสั้น เพราะตลาดเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ
แม้ราคาทองคำอาจเผชิญแรงกดดันให้ปรับตัวลงแรงในช่วงนี้ แต่ยังไม่ถึงขั้นเข้าสู่ขาลงเต็มตัว ตราบใดที่ความเชื่อมั่นต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและพันธบัตรรัฐบาลยังไม่ฟื้นกลับมาอย่างชัดเจน ท่ามกลางบรรยากาศโลกที่ยังเต็มไปด้วยความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนด้านการค้า
กล่าวได้ว่า ครึ่งปีหลังของ 2568 จะเป็นช่วงเวลาที่ “เปราะบาง” สำหรับเศรษฐกิจไทย และสิ่งที่จะเป็นตัวชี้ชะตาอย่างแท้จริงคือ ผลของการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ และเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ หากทั้งสองปัจจัยสามารถรักษาไว้ได้ โอกาสฟื้นตัวยังมี แต่หากพลาด ก็อาจทำให้เศรษฐกิจสะดุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่มา - thansettakij