การค้าระหว่างไทยและอียิปต์กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกับนางฮาละห์ ยูซุฟ อะห์มัด เราะญับ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ประจำประเทศไทย ณ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า พร้อมผลักดันให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย–อียิปต์ (JTC) เป็นครั้งแรกภายในปีนี้

นายพิชัยระบุว่า อียิปต์ถือเป็นคู่ค้าอันดับต้นของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ โดยมีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันอย่างมาก ไทยเองเป็นศูนย์กลางการค้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่อียิปต์เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเชื่อมโยงไปยังตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ด้วยเหตุนี้ ไทยจึงเสนอให้อียิปต์เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JTC ระดับรัฐมนตรี ณ กรุงไคโร เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมการค้า การลงทุน และการลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ รัฐมนตรีพาณิชย์ของไทยยังได้เชิญชวนให้อียิปต์ส่งผู้แทนการค้าเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติในประเทศไทย อาทิ งาน THAIFEX Anuga Asia 2025 งาน THAITAM ด้านเครื่องจักรกลการเกษตร และงาน Thailand International Logistics Fair 2025 เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจของทั้งสองประเทศได้พบปะและต่อยอดความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนร่วมกัน

ด้านเอกอัครราชทูตอียิปต์ก็แสดงท่าทีตอบรับอย่างชัดเจน โดยระบุว่า ปัจจุบันไทยถือเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเลแปรรูปรายใหญ่ที่สุดในตลาดอียิปต์ โดยเฉพาะปลาทูน่ากระป๋องที่ได้รับความนิยมสูง หากผู้ประกอบการไทยเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตในอียิปต์ จะยิ่งช่วยขยายขีดความสามารถในการแข่งขัน และต่อยอดสู่ตลาดประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคได้อีกมาก นอกจากนี้ ยังแสดงความสนใจจะต่อยอดความร่วมมือกับไทยในด้านการท่องเที่ยวและประมง ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญของไทย โดยเสนอให้นำหัวข้อนี้เข้าสู่การหารือในเวที JTC ที่จะจัดขึ้นในเร็ว ๆ นี้

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับอียิปต์ในปี 2567 อยู่ที่ 708.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอียิปต์มูลค่า 669.67 ล้านดอลลาร์ และนำเข้าสินค้าจากอียิปต์ 39.25 ล้านดอลลาร์ สินค้าหลักที่ไทยส่งออก ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และชิ้นส่วน ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ รวมถึงเม็ดพลาสติก ขณะที่สินค้านำเข้าจากอียิปต์ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์จากพืช ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ ผักผลไม้แปรรูป เสื้อผ้าสำเร็จรูป และของใช้เบ็ดเตล็ด

การหารือครั้งนี้จึงไม่เพียงสะท้อนถึงความสัมพันธ์ทางการค้าที่ยังเติบโตได้อีกมาก แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทั้งสองประเทศในการร่วมมือเชิงลึก เพื่อขยายโอกาสสู่ตลาดใหม่ ๆ และเพิ่มบทบาทของไทยในเวทีการค้าโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริก

ที่มา - tnnthailand