ปี 2568 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของไปรษณีย์ไทยสู่การเป็น “Tech Post” อย่างเต็มตัว โดยเฉพาะในไตรมาสแรกที่ผลประกอบการเติบโตโดดเด่น รายได้รวมพุ่งแตะ 5,945 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิกระโดดขึ้นถึง 227% แตะระดับ 534 ล้านบาท สะท้อนถึงทิศทางใหม่ที่บริษัทวางไว้ในการขยายบริการให้ครอบคลุมมากขึ้น และตอบรับกระแสดิจิทัลอีคอมเมิร์ซที่ยังคงเติบโตไม่หยุด
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ระบุว่า การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาใช้บริการออนไลน์มากขึ้น เป็นปัจจัยหนุนหลักของรายได้ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะบริการไปรษณีย์ในประเทศที่มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 20% และบริการขนส่ง-โลจิสติกส์ที่ขยายตัวอีกกว่า 13% ปริมาณชิ้นงานโดยรวมในไตรมาสแรกก็ขยายตัวถึง 7.5% ขณะที่ EMS ยังเป็นหัวใจหลักที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้แนวโน้มจะสดใส แต่ไปรษณีย์ไทยก็ยังจับตาความเสี่ยงจากนโยบายการค้าโลกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ อาจยกเลิกสิทธิยกเว้นภาษีนำเข้า (De Minimis Exemption) สำหรับสินค้ามูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์ ซึ่งอาจกระทบต่อธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศ รวมถึงลูกค้า SME ไทยที่ใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในการค้าขายข้ามแดน ไปรษณีย์ไทยจึงเร่งเจรจาและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ USPS อย่างต่อเนื่องเพื่อประเมินผลกระทบและเตรียมรับมือ
ในไตรมาส 2-4 ที่จะถึงนี้ บริษัทวางกลยุทธ์ชัดเจน โดยเดินหน้าขยายบริการแบบครบวงจรจากจุดแข็งที่มีอยู่ ตั้งแต่การส่งด่วน EMS สำหรับตลาด B2C และ C2C รวมถึงบริการขนส่งที่หลากหลาย ทั้งสินค้าเกษตร ยา อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ ไปจนถึงชิ้นงานขนาดใหญ่ที่รองรับรูปแบบ B2B ด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
ด้านบริการทางการเงิน ไปรษณีย์ไทยเร่งเดินหน้าบทบาท “Banking Agent” ใช้เครือข่ายสาขาทั่วประเทศเป็นช่องทางให้บริการทางการเงินครบวงจร เช่น ฝาก-ถอนเงิน รับชำระค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ ขณะที่บริการค้าปลีกจะเน้นรูปแบบ Omni-Channel เพื่อมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อให้กับลูกค้า ผ่านสินค้าไปรษณีย์ สินค้า House Brand และแพลตฟอร์ม ThailandPostMart ที่รวบรวมสินค้าทั่วไทยกว่า 20,000 รายการไว้ในที่เดียว
สำหรับการขยายบริการข้ามพรมแดน ไปรษณีย์ไทยได้จับมือกับ eBay และ Amazon FBA ในการให้บริการคลังสินค้า พร้อมจัดตั้งเครือข่าย “Regional ASEAN Post Alliance” (RAPA) ร่วมกับไปรษณีย์เวียดนาม อินโดนีเซีย และพันธมิตรในภูมิภาค เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการขนส่งระหว่างประเทศในอาเซียน
กลุ่มธุรกิจ Post Next ก็เตรียมอัปเกรดแพลตฟอร์ม “Prompt Post” ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยจะมีบริการใหม่ๆ เช่น Digital Postbox, ระบบติดตามพาสปอร์ต, Prompt Pass สำหรับเชื่อมโยงข้อมูลกับภาครัฐ และ Prompt Vote ที่รองรับการลงคะแนนเสียงออนไลน์
อีกหนึ่งบทบาทสำคัญคือการใช้ศักยภาพของเครือข่ายบุรุษไปรษณีย์ ภายใต้บริการ “Postman Cloud” ซึ่งได้เริ่มร่วมมือกับสำนักงานสถิติแห่งชาติในการลงพื้นที่เก็บข้อมูลสำมะโนประชากรและเคหะ ปี 2568 ครอบคลุม 11 จังหวัด และกว่า 4.17 ล้านครัวเรือน
ทั้งหมดนี้คือทิศทางใหม่ของไปรษณีย์ไทยในปีแห่งการเปลี่ยนผ่าน ที่ไม่เพียงแต่ปรับตัวตามยุคดิจิทัล แต่ยังพยายามรักษาบทบาทความมั่นคงของระบบไปรษณีย์แห่งชาติ ขณะเดียวกันก็พร้อมรับมือกับความท้าทายจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าการค้าข้ามแดนในอนาคตอันใกล้
ที่มา - techsauce