อินเดียปี 2026: เศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ผงาดขึ้นอันดับ 4 ของโลก แต่ยังติดบ่วงความยากจนเชิงโครงสร้าง
อินเดียกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ อีกไม่นานจากนี้โดยเฉพาะในปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2026 นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอินเดียจะผงาดขึ้นเหนือญี่ปุ่น กลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก และที่สำคัญคือจะมีระยะห่างจากเยอรมนี ซึ่งอยู่อันดับ 3 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ความก้าวหน้าครั้งนี้ถือว่าโดดเด่นอย่างยิ่ง หากย้อนกลับไปเมื่อเริ่มต้นศตวรรษ ญี่ปุ่นยังเป็นเศรษฐกิจอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกา ขณะที่อินเดียไม่ได้อยู่ในแม้แต่สิบอันดับแรกของโลกด้วยซ้ำ
ในช่วงสองทศวรรษ อินเดียเติบโตทะยานขึ้นแซงหน้าประเทศขนาดเศรษฐกิจกลางสำคัญหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบราซิล เม็กซิโก แคนาดา รวมถึงอดีตเจ้าอาณานิคมอย่างสหราชอาณาจักร โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 อินเดียจะกลายเป็นเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลก รองเพียงแค่สหรัฐอเมริกาและจีนเท่านั้น
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นผ่านการเปลี่ยนแปลงในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ อาคารสูงผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบบคมนาคมคึกคัก ตลาดหุ้นและตลาดทุนขยายตัวอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญที่สุดคือมีชาวอินเดียหลายร้อยล้านคนสามารถหลุดพ้นจากสถานะ “ยากจนสุดขีด” พร้อมกับชนชั้นกลางที่เติบโตขยายเป็นมากกว่า 400 ล้านคน และยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งเหล่านี้ยืนยันว่าอินเดียได้เดินหน้าอย่างจริงจังบนเส้นทางการเติบโตทางเศรษฐกิจ
แต่แม้เศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างน่าตื่นตา สถานะของประเทศในภาพรวมกลับยังคงจมอยู่กับความเป็น “ชาติยากจน” เนื่องจากเกณฑ์การวัดความก้าวหน้าของประเทศไม่ได้มีเพียงขนาดจีดีพีเท่านั้น เมื่อวัดด้วย “จีดีพีต่อหัวประชากร” อินเดียยังคงอยู่ในอันดับต่ำมาก เพราะต้องเฉลี่ยมูลค่าทางเศรษฐกิจออกไปให้กับประชากรจำนวนมหาศาลที่มากกว่าญี่ปุ่นถึงกว่า 11 เท่า ส่งผลให้อินเดียรั้งอันดับที่ 126 ของโลก แม้จะเป็นอันดับที่ดีที่สุดในรอบ 25 ปี แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในช่วงล่างของตารางการพัฒนา
ค่าจีดีพีต่อหัวของอินเดียอยู่ที่เพียง 12,132 ดอลลาร์ต่อคน อยู่ในระดับเดียวกับประเทศรายได้ปานกลางล่างอย่างจอร์แดนและอุซเบกิสถาน อีกทั้งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างมีนัยสำคัญ แม้อัตราส่วนประชากรที่ยากจนสุดขีดลดลงจาก 27% เหลือเพียง 5% ภายในสิบปี แต่เมื่อนับเป็นจำนวนจริง อินเดียยังคงมีประชากรมากถึง 75 ล้านคนที่มีชีวิตอยู่ด้วยรายได้ไม่ถึง 3 ดอลลาร์ต่อวัน และอีกกว่า 267 ล้านคนอยู่ภายใต้เส้นความยากจนสำหรับประเทศรายได้ปานกลางค่อนข้างต่ำ ซึ่งกำหนดไว้ที่รายได้ไม่ถึง 4.20 ดอลลาร์ต่อวัน ตัวเลขนี้มากกว่าจำนวนประชากรทั้งประเทศของเม็กซิโกหลายสิบล้านคน
ปัญหาความยากจนยังเชื่อมโยงกับข้อจำกัดเชิงโครงสร้างในหลายด้าน อินเดียยังอยู่ในอันดับล่างของโลกด้านความหิวโหย โดยอยู่ที่อันดับ 102 จาก 123 ประเทศ และมีคะแนนต่ำในการจัดอันดับด้านสิ่งแวดล้อม การเสรีภาพของสื่อ และดัชนีประชาธิปไตย สะท้อนปัญหาเชิงระบบที่ยังต้องแก้ไขอีกมาก
สถานการณ์ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า แม้ขนาดของเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างโดดเด่น แต่ความสำเร็จนี้ยังไม่อาจแปรเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของประชาชนอีกหลายร้อยล้านคนได้อย่างทั่วถึง การเติบโตทางเศรษฐกิจจึงเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความสำเร็จ ขณะที่การยกระดับความเป็นอยู่ของคนทั้งประเทศยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ที่อินเดียต้องเผชิญในทศวรรษต่อไป

