นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2024 อยู่ในเกณฑ์ที่รัฐบาลตั้งไว้ แม้จะถูกรุมเร้าด้วยภัยคุกคามจากกำแพงการค้าของสหรัฐ รวมถึงวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ และการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ซบเซาจนฉุดราคาสินค้าดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนประกาศในวันที่ 17 มกราคม 2025 ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 4 ปี 2024 ขยายตัว 5.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) และทั้งปี 2024 ขยายตัวได้ 5% (YOY) ตรงกับประมาณการของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีนในสุนทรพจน์ส่งท้ายปีเก่า ซึ่งเขากล่าวว่าเศรษฐกิจปี 2024 เติบโต “ประมาณ 5%”

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวปกปิดร่องรอยบาดแผลที่ฝังลึกของเศรษฐกิจจีน เนื่องจากสี จิ้นผิง ปรับรื้อระบบโดยหันมาพึ่งพิงการเติบโตจากภาคการผลิตสินค้าขั้นสูง (High-End) แทนการพึ่งพาภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในปัจจุบันความพยายามดังกล่าวได้สร้างความเสียหายต่อการเติบโตระยะสั้นอย่างรุนแรง โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีล่าสุดชะลอตัวลงต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1990 หากไม่นับรวมช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19

แลร์รี่ หู่ (Larry Hu) นักเศรษฐศาสตร์จากแมคควอรี กรุ๊ป (Macquarie Group) กล่าวว่า นับเป็นอีกปีที่ภาคการผลิตและการส่งออกเติบโตอย่างแข็งแรง แต่การบริโภคในประเทศยังคงอ่อนแอ ซึ่งการเติบโตที่สวนทางกันนี้เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 ปีที่โควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด

นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่าจีนจะพยายามรักษาการเติบโตให้มีระดับใกล้เคียงเดิม ซึ่งนับว่าท้าทายอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางการจีนส่งสัญญาณว่าจะผ่อนคลายนโยบายการเงินและใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลังมากขึ้น ทั้งนี้ หลายฝ่ายยังเป็นกังวลอย่างมาก ว่ามาตรการเยียวยาต่าง ๆ จะเพียงพอต่อการชดเชยผลกระทบจากกำแพงภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้หรือไม่

จากผลสำรวจของนิกเคอิ เอเชีย นักวิเคราะห์โดยเฉลี่ยคาดว่าจีนจะเติบโตเพิ่ม 4.4% ในปี 2025 และโตเหลือ 4.1% ในปี 2026 ทั้งนี้ คาดว่าทางการจีนจะประกาศเป้าหมายการเติบโตประจำปีอย่างเป็นทางการในการประชุมครั้งต่อไปเดือนมีนาคม

ที่มา - prachachat