ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ เผยรายได้ไตรมาส 3/68 แตะ 346 ล้านบาท มั่นใจโค้งสุดท้ายปีโตแรง เดินหน้าขยายธุรกิจ Non-Freight และขนส่งทางราง สู่การเติบโตยั่งยืน
บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568) มีรายได้รวม 346 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 2.3 ล้านบาท โดยนายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกเผชิญความผันผวนจากสงครามการค้าและความไม่แน่นอนของภาษีนำเข้าสหรัฐฯ แต่ภาพรวมเริ่มฟื้นตัว หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีนำเข้าใหม่ในเดือนกันยายน ทำให้เห็นสัญญาณการส่งออกของไทยที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน สอดคล้องกับตัวเลขการส่งออกที่ขยายตัวถึง 19% ในเดือนเดียวกัน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 48 เดือน
ในส่วนของการดำเนินงาน LEO ยังคงขยายธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics อย่างต่อเนื่อง โดยการลงทุนในโครงการใหม่ช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นและลดความผันผวนจากธุรกิจขนส่งหลัก (Freight) โดยเฉพาะในธุรกิจขนส่งทางรางที่เติบโตโดดเด่นในปีนี้ ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้จากการขนส่งทางรางเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 134 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทในเครือ LaneXang Express ทำรายได้ 31 ล้านบาท ส่วน Sritrang LEO Multimodal Logistics มีรายได้ 165 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 2.5 เท่าจากปีก่อน
ธุรกิจลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ภายใต้บริษัท YJC Depot Services ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 จากไตรมาส 2 และสูงขึ้นถึงร้อยละ 73 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/2568 และปี 2569 จากการขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ธุรกิจศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าอัจฉริยะ “LEO Coldbotic” สำหรับไวน์ก็เติบโตดีต่อเนื่อง และจะเร่งตัวในช่วงเทศกาลปลายปี ซึ่งเป็น High Season ของธุรกิจไวน์และร้านอาหาร อีกทั้งบริษัทเตรียมรับรู้รายได้ใหม่จากโครงการให้บริการเช่า Power Bank ของบริษัทร่วม “LEO JITU” ที่จะเริ่มดำเนินงานในไตรมาส 4 นี้เช่นกัน
นายเกตติวิทย์กล่าวว่า ธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ของกลุ่มมีพัฒนาการตามแผนและเริ่มสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างรายได้ระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงที่ธุรกิจ Freight มีความผันผวนตามเศรษฐกิจโลกและอัตราค่าระวางเรือ การกระจายความเสี่ยงจึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ LEO ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แม้ธุรกิจใหม่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและใช้เวลาสร้างฐานลูกค้า แต่ถือเป็นการวางรากฐานเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต
สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 4/2568 ซีอีโอ LEO มองว่าแนวโน้มรายได้และกำไรมีทิศทางดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาคการค้าและขนส่งระหว่างประเทศ โดยบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขยายธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และใช้ช่วงปลายปีนี้เป็นจุดพิสูจน์ศักยภาพการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ขององค์กร
ในปี 2569 LEO เตรียมเดินหน้าขยายเครือข่ายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในหลายประเทศ เพื่อขยายเส้นทางขนส่งไปยังตลาดศักยภาพสูงในเอเชียและยุโรป รวมถึงแผนพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ข้ามแดน (Cross-Border Logistics) และการขนส่งทางรางระหว่างไทย–จีน รองรับการเติบโตของภาคการค้า การผลิต และอีคอมเมิร์ซในภูมิภาค การเชื่อมโยงเครือข่ายขนส่งทางรางยังช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่สู่ตลาดจีนตอนใต้และยุโรปผ่านเส้นทางรถไฟจีน–ลาว
พร้อมกันนี้ บริษัทยังวางแผนต่อยอดธุรกิจในเครือทั้งด้าน Logistics และ Non-Logistics รวมถึงการพัฒนาแนวทาง Green Logistics และธุรกิจที่เน้น ESG เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจและความยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการขับเคลื่อน LEO สู่อนาคตอย่างมั่นคง.

