บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO ประกาศเดินหน้ารุกตลาดนำเข้า-ส่งออกทันที หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย จากเดิม 36% เหลือ 19% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 โดยถือเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่จะจุดกระแสการค้าไทย-สหรัฐฯ ให้คึกคักมากยิ่งขึ้น และสร้างโอกาสให้กับภาคธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกับตลาดอเมริกาอย่างชัดเจน
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ LEO เปิดเผยว่า การปรับลดภาษีในครั้งนี้ ถือเป็น “โอกาสทอง” สำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะได้เปรียบในด้านต้นทุนมากกว่าประเทศคู่แข่งอย่างจีนและเวียดนาม ขณะเดียวกัน ผู้นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบอุตสาหกรรม ชิ้นส่วนเทคโนโลยี อุปกรณ์การแพทย์ หรือสินค้าอุปโภคบริโภคบางประเภท ก็จะสามารถลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน
ในฐานะผู้ให้บริการ End-to-End Logistics Service Provider ที่ครอบคลุมทั้งขนส่งทางทะเล ทางอากาศ พิธีการศุลกากร คลังสินค้า และการกระจายสินค้า LEO พร้อมทำหน้าที่เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ให้กับลูกค้า ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ให้บริการขนส่ง แต่ยังเป็นที่ปรึกษาในการนำเข้า-ส่งออก ช่วยให้ลูกค้าได้เปรียบในการแข่งขันทั้งด้านเชิงพาณิชย์และพิธีการศุลกากร
หนึ่งในจุดแข็งสำคัญของ LEO คือเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ครอบคลุมกว่า 40 มลรัฐ และมีมากกว่า 280 ตัวแทน ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุน เวลา และประสิทธิภาพการขนส่งได้อย่างใกล้ชิด ส่งผลให้บริการจากต้นทางในสหรัฐฯ ไปถึงปลายทางในประเทศไทยเป็นไปอย่างราบรื่นและแม่นยำ
ปีที่ผ่านมา LEO มีปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ มากกว่า 8,000 TEUs ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อมาตรฐานการให้บริการ และตอกย้ำจุดยืนของบริษัทในฐานะ Logistic Services Provider ของคนไทย ที่สามารถให้บริการ Weekly LCL/Consolidation Service ไปยังและจากประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ในตลาดมักเป็นบริษัทข้ามชาติ
นายเกตติวิทย์ ระบุว่า บริการนำเข้าจากสหรัฐฯ ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักที่ LEO มุ่งเน้นในปี 2568 โดยตั้งใจโปรโมทและผลักดันให้เติบโตอย่างชัดเจน ด้วยความมั่นใจในศักยภาพของเครือข่ายพันธมิตร รวมถึงการให้บริการที่ครอบคลุมและคุ้มค่า ช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย พร้อมลดต้นทุนได้มากยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมแผนพัฒนาบริการเพิ่มเติม ทั้งด้านศุลกากร ศูนย์กระจายสินค้า และคลังสินค้าห้องเย็น (Cold Chain Warehouse) เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในยุคที่การค้าระหว่างประเทศเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยการปรับลดภาษีจากฝั่งสหรัฐฯ ครั้งนี้ ยังถูกมองว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อแนวโน้มปริมาณการค้าทั่วโลก ซึ่งจะเป็นแรงผลักสำคัญต่อรายได้ของธุรกิจโลจิสติกส์ในช่วงครึ่งหลังของปี
“LEO มุ่งมั่นจะเป็นมากกว่าผู้ให้บริการโลจิสติกส์ทั่วไป แต่เป็นพาร์ตเนอร์ที่เติบโตไปกับลูกค้า ท่ามกลางโลกการค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” นายเกตติวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย