บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2568 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2568) โดยมีรายได้รวม 337.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 5.4 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรขั้นต้น 113.1 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน อันเป็นผลจากสงครามการค้าและความไม่แน่นอนด้านอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกไปยังสหรัฐฯ รวมถึงสินค้าจากจีนที่ขนส่งผ่านไทยลดลงอย่างมาก นอกจากนี้ยังเผชิญผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงไตรมาสดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม LEO มีการเติบโตเด่นในธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ที่ช่วยลดความผันผวนจากธุรกิจหลัก โดยรายได้จากการขนส่งทางรางในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 151.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 576% จากปีก่อน ขณะที่บริษัทร่วม LaneXang Express ทำรายได้ในไตรมาส 2/2568 ถึง 19.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6 เท่าจากไตรมาสก่อน ส่วน Sritrang Leo Multimodal Logistics ทำรายได้จากการขนส่งทางรางภายในประเทศ 57.6 ล้านบาทในไตรมาส 2/2568 ขณะเดียวกัน Logicam LEO ในกัมพูชาเพิ่มรายได้ถึง 60% จากไตรมาสก่อน

ธุรกิจ Self-Storage และลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทย่อย YJC Depot Services มีรายได้เพิ่มขึ้น 58% จากไตรมาส 1/2568 และเติบโตถึง 100% จากปีก่อน นอกจากนี้ ศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าอัจฉริยะ LEO Coldbotic และการส่งออกทุเรียนไปจีนผ่าน LEO Sourcing & Supply Chain ก็เริ่มสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO ระบุว่า การเติบโตของกลุ่มธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics เป็นไปตามแผน และถือเป็นหัวใจสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างรายได้ระยะยาว เนื่องจากธุรกิจ Freight ยังคงมีความผันผวนสูงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก บริษัทจึงมุ่งกระจายความเสี่ยงและเดินหน้าขยายธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งนอกจากช่วยลดการพึ่งพารายได้จากธุรกิจหลักแล้ว ยังเป็นโอกาสสร้างกำไรขั้นต้นในระดับที่เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับครึ่งปีหลัง 2568 บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการจะดีขึ้น โดยเฉพาะไตรมาส 3 และ 4 หลังจากที่สหรัฐฯ มีการประกาศอัตราภาษีนำเข้าใหม่ที่ชัดเจน พร้อมเดินหน้าโครงการ Green Logistics ใช้รถบรรทุกไฟฟ้า (EV Truck) ให้บริการลูกค้า สนับสนุนการขนส่งแบบยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และออกเอกสาร Carbon Emission Statement ตามมาตรฐาน ISO 14067 ให้ลูกค้าในไตรมาส 4

LEO ตั้งเป้าผลักดันรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ให้มีสัดส่วน 30-35% ของรายได้รวมภายในปีนี้ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต