กระทรวงคมนาคมเดินหน้าพัฒนาระบบคมนาคมในจังหวัดปราจีนบุรี ล่าสุด นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้เปิดใช้ถนนสายเลี่ยงเมืองเส้นใหม่เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรในเขตตัวเมืองปราจีนบุรี ซึ่งที่ผ่านมามักเกิดความแออัด โดยเฉพาะในเส้นทางที่เชื่อมจากอำเภอบ้านสร้างและอำเภอเมืองไปยังอำเภอศรีมหาโพธิและประจันตคาม ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ประชาชนต้องสัญจรผ่านใจกลางเมือง
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เร่งดำเนินโครงการก่อสร้างถนนสายแยก ทล.3452 - สี่แยกบ้านสร้าง ปัจจุบันโครงการแล้วเสร็จและเปิดให้ประชาชนใช้งานแล้วอย่างเป็นทางการ ถือเป็นการเปิดเส้นทางทางเลือกใหม่ที่ไม่เพียงช่วยลดความแออัดจากตัวเมือง แต่ยังเพิ่มศักยภาพในการเดินทางและการขนส่งเชิงเศรษฐกิจ รองรับทั้งการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการก่อสร้างถนนเส้นนี้มีระยะทางรวมกว่า 25 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 2 ตอนหลัก โดยตอนแรกเริ่มตั้งแต่บริเวณตำบลบางบริบูรณ์ถึงตำบลบางเดชะในเขตอำเภอเมือง ระยะทาง 7.2 กิโลเมตร ก่อสร้างเป็นถนนแอสฟัลท์ติกคอนกรีตขนาด 2–4 ช่องจราจร พร้อมไหล่ทาง สะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก 7 แห่ง และระบบสาธารณูปโภคที่ครบถ้วน อาทิ ไฟฟ้าส่องสว่าง ระบบระบายน้ำ และสัญญาณไฟจราจร ใช้งบประมาณรวมประมาณ 900 ล้านบาท
ส่วนตอนที่สองเป็นการต่อขยายถนนจากอำเภอเมืองไปถึงเขตอำเภอบ้านสร้าง มีระยะทางรวม 18.456 กิโลเมตร ดำเนินการก่อสร้างในรูปแบบเดียวกัน พร้อมสะพานคอนกรีตอีก 5 แห่ง และระบบสนับสนุนความปลอดภัยครบครัน โดยใช้งบประมาณประมาณ 900 ล้านบาทเช่นกัน
ถนนสายใหม่นี้จะกลายเป็นเส้นทางสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรมและผลผลิตการเกษตรจากจังหวัดปราจีนบุรีสู่ประเทศกัมพูชา ผ่านเส้นทางเศรษฐกิจอินโดจีน พร้อมทั้งสนับสนุนโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ เส้นทางดังกล่าวยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักสู่ “โครงการพัฒนาส่วนพระองค์บางแตน” แหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมเชิงบูรณาการที่มีบทบาทสำคัญต่อชุมชนในพื้นที่อำเภอบ้านสร้าง ถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างเมืองและการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน
ที่มา - nationtv