นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ได้แก่ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ว่า กระทรวงคมนาคมได้พิจารณาผลการศึกษาการก่อสร้างท่าอากาศยานมุกดาหารของกรมท่าอากาศยานแล้ว พบว่าโครงการดังกล่าวไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ จึงยังไม่มีนโยบายดำเนินการก่อสร้างในขณะนี้
แม้มุกดาหารจะมีศักยภาพในการพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจ แต่การลงทุนสร้างสนามบินใหม่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะมีต้นทุนสูงและต้องอาศัยผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาว ซึ่งในกรณีของมุกดาหาร กระทรวงมองว่า การใช้สนามบินที่มีอยู่ใกล้เคียง เช่น ท่าอากาศยานสกลนคร น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าในภาพรวม แม้ว่าการเดินทางจากสนามบินสกลนครมายังมุกดาหารจะใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงก็ตาม
ทางออกที่น่าสนใจและกำลังอยู่ระหว่างการผลักดันคือ การประสานงานกับ สปป.ลาว เพื่อหารือเกี่ยวกับการใช้สนามบินสะหวันนะเขต ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำโขง โดยห่างจากตัวเมืองมุกดาหารเพียงราว 10 นาทีเท่านั้น หากสามารถตกลงใช้สนามบินดังกล่าวเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างประเทศได้ จะช่วยลดทั้งระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด
นายสุริยะระบุเพิ่มเติมว่า กระทรวงคมนาคมมีแผนจัดให้มีรถชัตเติลบัสเชื่อมโยงระหว่างสนามบินสะหวันนะเขตกับฝั่งไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางข้ามพรมแดน และยังอยู่ระหว่างการหารือกับทางการลาว เพื่อขอยกเว้นขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองสำหรับผู้โดยสารชาวไทย ซึ่งหากเจรจาสำเร็จ จะเป็นอีกหนึ่งรูปแบบความร่วมมือระหว่างประเทศที่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองฝั่งอย่างแท้จริง โดยคาดว่าทั้งหมดจะได้ข้อสรุปภายในปี 2569
การเดินหน้าความร่วมมือในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดงบประมาณในการก่อสร้างสนามบินใหม่ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนหลายพันล้านบาทเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ค่าตั๋วโดยสารมีราคาถูกลง และเปิดโอกาสให้สายการบินราคาประหยัดสามารถเข้ามาเปิดเส้นทางบินได้มากขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการเดินทางของทั้งสองประเทศในระยะยาว
นายสุริยะกล่าวปิดท้ายว่า แนวทางนี้จะเป็นการยกระดับการเชื่อมโยงภูมิภาคในระดับประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งยังสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับ สปป.ลาว ซึ่งถือเป็นแนวคิดที่ตอบโจทย์ทั้งความคุ้มค่าและประโยชน์ร่วมอย่างเป็นรูปธรรม
ที่มา - matichon