การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยในเดือนมิถุนายน 2568 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ตลอดครึ่งแรกของปีนี้ (ม.ค.–มิ.ย.) ไทยส่งออกมันสำปะหลังรวม 5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.9 จากปีก่อนหน้าที่มีปริมาณ 3.6 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1,634.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 54,648 ล้านบาท โดยตลาดหลักยังคงเป็นประเทศจีนซึ่งครองสัดส่วนถึงร้อยละ 58.2 ของมูลค่าส่งออก รองลงมาคือญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา
เฉพาะมันเส้นและมันอัดเม็ด ไทยส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกคิดเป็นมูลค่า 503.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 16,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.8 ขณะที่แป้งมันดิบมีมูลค่า 665.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 25.2 และแป้งมันดัดแปรมูลค่า 655.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 25.1 ความต้องการจากจีนยังเป็นแรงขับสำคัญ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และเอทานอลที่ขยายตัวมาก ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2568 จีนสั่งซื้อมันเส้นและมันอัดเม็ดจากไทยทะลุ 1 ล้านตันภายในเพียงสองเดือนแรก สะท้อนการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากที่ปีก่อนหน้านี้ตลาดซบเซา
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ระบุว่า ราคามันเส้นไทยที่สามารถแข่งขันได้เมื่อเทียบกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในจีน เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าต่างประเทศยังเดินหน้าขยายตลาดใหม่ โดยล่าสุดได้ส่งผู้แทนการค้าไปยังซาอุดีอาระเบียและปิดดีลส่งออกมันอัดเม็ดล็อตทดลอง 20,000 ตัน สำหรับใช้ในโรงงานผลิตอาหารสัตว์ นอกจากนี้ ยังวางแผนเจาะตลาดเม็กซิโก ชิลี และฟิลิปปินส์ เพื่อนำเสนอการใช้มันสำปะหลังในด้านพลังงานทดแทนและพลาสติกชีวภาพ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจในหลายประเทศ
ในปีนี้ สนค. ยังร่วมกับมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เดินหน้าโครงการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งทางการค้าสินค้าพืชไร่ โดยเฉพาะมันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โครงการดังกล่าวอยู่ในระยะสุดท้าย และได้จัดสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษาแล้วที่จังหวัดนนทบุรีเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 และมีกำหนดจัดต่อที่จังหวัดนครราชสีมาในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เพื่อให้หน่วยงานรัฐและเอกชนสามารถนำผลการศึกษาไปใช้ขับเคลื่อนเชิงนโยบาย สร้างความมั่นคงให้เกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมมันสำปะหลังอย่างยั่งยืน