ธุรกิจโลจิสติกส์ของไทยกำลังอยู่ในจังหวะขาขึ้น ล่าสุด สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าเผยว่า เดือนกรกฎาคม 2568 มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้าสู่ธุรกิจโลจิสติกส์มากถึง 2,564 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 15% ของการลงทุนโลจิสติกส์ทั้งหมดในประเทศ โดยมีประเทศหลักที่สนใจลงทุน ได้แก่ จีน สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ และฮ่องกง สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานของไทย และแนวโน้มการเติบโตที่สดใสของภาคการขนส่งและซัพพลายเชนในภูมิภาค

ด้านภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ในไทยปัจจุบัน มีนิติบุคคลจดทะเบียนรวม 46,570 ราย โดยในเดือนกรกฎาคม มีผู้ประกอบการเปิดกิจการใหม่ 327 ราย ลดลงเล็กน้อย 2.1% ขณะที่กิจการที่ปิดตัวลงอยู่ที่เพียง 69 ราย ลดลงเกือบ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน กลุ่มธุรกิจที่ยังคงเติบโตโดดเด่นคือการขนส่งและขนถ่ายสินค้า รวมถึงการขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งมีการเปิดกิจการใหม่ถึง 194 ราย เพิ่มขึ้นกว่า 38% นับเป็นสัญญาณบวกของตลาดที่ยังคงมีแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ที่เติบโตต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน หลายประเทศทั่วโลกต่างเดินหน้าปรับโครงสร้างโลจิสติกส์ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียและยุโรป ตัวอย่างเช่น จีนที่ยกระดับด่านรถไฟนานาชาติหวายฮั่ว พร้อมพัฒนาคลองผิงลูในกว่างซีจ้วง เพื่อเชื่อมการขนส่งจากแผ่นดินใหญ่สู่ทะเลโดยตรง ขณะที่อินเดียทุ่มงบกว่า 1.5 ล้านล้านรูปี พัฒนา “คลัสเตอร์อุตสาหกรรมต่อเรือ” ตลอดแนวชายฝั่ง 5 รัฐ และเวียดนามเปิดเส้นทางเรือชายฝั่งใหม่ระหว่าง Hai Phong – Nghi Son ลดต้นทุนโลจิสติกส์ถึง 15% และลดคาร์บอนได้กว่า 70%

ในส่วนของไทยเอง การรถไฟแห่งประเทศไทยได้เริ่มทดลองขยายบริการรถไฟชานเมืองสู่จังหวัดราชบุรี ขณะที่ท่าเรือแหลมฉบังเตรียมติดตั้งระบบ Truck Queue เพื่อลดความแออัดของรถบรรทุก และท่าเรือกรุงเทพเตรียมนำระบบใบสั่งปล่อยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (NSW e-D/O) มาใช้ รองรับแนวคิด “Smart Port” อย่างเต็มรูปแบบ

สถิติการค้าระหว่างประเทศล่าสุดยังสะท้อนความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยการขนส่งทางอากาศมีมูลค่าการค้า 545,747 ล้านบาท เติบโต 11.8% ส่วนการขนส่งทางถนนมีมูลค่า 176,759 ล้านบาท เติบโต 3% โดยเฉพาะตลาดจีนที่เติบโตมากถึง 47.5% ขณะที่การขนส่งทางเรือยังครองสัดส่วนสูงสุดถึง 60% ของการค้าระหว่างประเทศ แม้จะลดลง 11.8% จากปีก่อน

ที่น่าจับตามองที่สุดคือการขนส่งทางราง ซึ่งแม้จะมีสัดส่วนเพียง 0.22% ของการค้ารวม แต่กลับเติบโตพุ่งถึง 40% โดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมจีนที่มีสัดส่วนสูงถึง 90.6% แสดงให้เห็นถึงโอกาสมหาศาลในการต่อยอดการค้าระหว่างประเทศของไทย ผ่านระบบรางที่มีต้นทุนต่ำและมีเสถียรภาพสูง

เมื่อนำทุกองค์ประกอบมารวมกัน ทั้งเงินทุนต่างชาติ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และตัวเลขเติบโตในมิติต่าง ๆ ล้วนสะท้อนว่า “โลจิสติกส์ไทย” กำลังเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งที่ดึงดูดการลงทุน พร้อมผลักดันไทยให้ก้าวสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคอย่างแท้จริง

ที่มา - thansettakij