ในเดือนตุลาคมปี 2569 ประเทศไทยกำลังจะก้าวขึ้นสู่เวทีโลกในฐานะเจ้าภาพการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และกลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group) งานระดับนานาชาตินี้ไม่ได้เป็นเพียงเวทีเจรจานโยบายการเงินระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็น “จังหวะสำคัญ” ที่ไทยจะได้แสดงวิสัยทัศน์ใหม่ เสริมบทบาททางเศรษฐกิจ และผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นในมิติต่างๆ

โลกกำลังเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นทุกวัน เครื่องยนต์เศรษฐกิจแบบเดิมไม่สามารถพาประเทศไปได้ไกลเหมือนในอดีต ไทยจึงจำเป็นต้องสร้างโอกาสใหม่ เพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจ และเตรียมพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ เทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายงานประจำปีของธนาคารโลกประจำประเทศไทย “Building Thailand’s Future Today” จึงชี้ให้เห็นทิศทางสำคัญผ่าน 5 อุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีศักยภาพจะเป็นหัวใจของการเติบโตยุคใหม่

อุตสาหกรรมบริการดิจิทัลเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพ เปิดทางให้ธุรกิจและบุคลากรไทยสามารถสร้างบริการใหม่ ๆ ในตลาดโลกได้มากขึ้น ขณะเดียวกันภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นกลไกเศรษฐกิจที่ไทยมีความได้เปรียบ แต่ต้องยกระดับสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยใช้จุดแข็งด้านวัฒนธรรม ความเป็นมิตรของผู้คน และศักยภาพด้านการแพทย์ผสมผสานเข้าด้วยกัน

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญคือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งไม่ใช่เพียงการผลักดัน Soft Power แต่ยังรวมถึงการพัฒนานโยบายที่ใช้วัฒนธรรม ศิลปะ อาหาร และนวัตกรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างยั่งยืน ด้านเกษตรและอาหารซึ่งเป็นฐานเศรษฐกิจดั้งเดิมของไทย ก็ต้องเร่งขยับเข้าสู่มาตรฐานใหม่ของโลกในด้านความยั่งยืน ความปลอดภัย และคุณภาพ เพื่อรักษาสถานะ “ครัวของโลก” ไว้อย่างมั่นคงและเพิ่มโอกาสในการส่งออกอาหารคุณภาพสูง

ในภาคอุตสาหกรรม ไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันระดับโลกที่รุนแรงขึ้น ฐานการผลิตเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป การพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง เช่น เทคโนโลยีชั้นสูง หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ จึงเป็นแนวทางสำคัญที่จะยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาวของประเทศ

แม้ภาพรวมเหล่านี้จะเป็นแนวทางที่ไทยควรเริ่มลงมือทำทันที แต่สิ่งที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริงคือ “การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน” ธนาคารโลกร่วมกับ FutureTales Lab จึงออกแบบกิจกรรมด้าน Foresight เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไปมาร่วมกันจินตนาการ อภิปราย และสร้างฉากทัศน์อนาคตของประเทศไทย เพื่อหาเส้นทางใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของยุคสมัยและสะท้อนมุมมองของสังคมไทยอย่างแท้จริง

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่ท้าทายแต่เต็มไปด้วยโอกาส การประชุม IMF–World Bank ในปี 2569 อาจกลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่นำไปสู่การกำหนดทิศทางใหม่ของเศรษฐกิจไทย และเปิดประตูสู่บทบาทที่โดดเด่นกว่าเดิมบนเวทีโลก หากเราสามารถใช้โอกาสนี้เร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังและร่วมมือกันทุกฝ่ายอย่างเป็นระบบ.