“พิพัฒน์” เดินหน้าจัดระบบถนน ลดต้นทุนขนส่ง ยกระดับความปลอดภัย–แก้ปัญหาโลจิสติกส์ทั้งห่วงโซ่
เนื้อหา (เรียบเรียงใหม่ทั้งหมด ไม่มี bullet point):
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการหารือร่วมกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และผู้ประกอบการจาก 13 สมาคม เพื่อกำหนดแนวทางพัฒนาระบบขนส่งทางถนนทั้งด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และต้นทุนโลจิสติกส์ โดยการประชุมจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ณ กระทรวงคมนาคม
นายพิพัฒน์กล่าวขอบคุณสหพันธ์ฯ ที่ร่วมสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ โดยได้จัดส่งรถบรรทุกและถุงยังชีพให้ประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลเตรียมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งที่ได้รับผลกระทบผ่านเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกจัดทำแผนฟื้นฟูด้านอุปกรณ์รถบรรทุก รวมถึงเจรจากับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเพื่อให้มีส่วนลดค่าซ่อมบำรุงแก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ประสบภัย
ประเด็นสำคัญอีกด้านคือการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งกระทรวงคมนาคมเร่งติดตามมาอย่างต่อเนื่อง โดยสหพันธ์ฯ เสนอให้มีการจัดพื้นที่บางส่วนภายในท่าเรือเพื่อใช้พักตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้รถหัวลากสามารถนำตู้ลงก่อนแล้วไปทำงานอื่นต่อโดยไม่ต้องรอคิวเป็นเวลานาน แนวทางนี้ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยลดความแออัดได้ ซึ่งนายพิพัฒน์ระบุว่าจะนำเรื่องให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยพิจารณา หากสามารถดำเนินการได้ก็พร้อมสนับสนุนตามข้อเสนอของภาคเอกชน
ในส่วนมาตรการควบคุมน้ำหนักรถบรรทุก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบกบูรณาการร่วมกับกรมทางหลวงและการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำมาตรฐานการชั่งน้ำหนักและระบบบังคับใช้กฎหมายแบบเดียวกันทั่วประเทศ พร้อมทั้งเร่งการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการใช้ถนนของรถเครนให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 เพื่อรองรับการทำงานของภาคขนส่งวิศวกรรมและงานยกขนาดใหญ่
นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เสนอประเด็นปัญหานิติบุคคลนอมินีจากต่างประเทศที่เข้ามาดำเนินธุรกิจขนส่งในไทย ซึ่งอาจก่อให้เกิดการหลีกเลี่ยงกฎหมายทั้งด้านการนำเข้า การลำเลียงสินค้า และการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม โดยขอให้ภาครัฐเร่งตรวจสอบและวางมาตรการป้องกันเรื่องนี้ นายพิพัฒน์ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกหารือกับสหพันธ์ฯ เพื่อพิจารณาข้อกฎหมายและแนวทางดำเนินการต่อไป
นายทองอยู่ระบุเพิ่มเติมว่าสหพันธ์ฯ ซึ่งประกอบด้วยสมาคมด้านขนส่งและโลจิสติกส์ 13 องค์กรทั่วประเทศ พร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลทั้งในการผลักดันกฎระเบียบที่เอื้อต่อธุรกิจ การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และการตรวจสอบให้ระบบขนส่งโปร่งใสและเป็นธรรม โดยย้ำว่าผู้ประกอบการมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพร้อมสนับสนุนนโยบายกระทรวงคมนาคมทุกด้าน
นายพิพัฒน์กล่าวปิดท้ายว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนเพื่อร่วมกันพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของไทยให้มีประสิทธิภาพ ทันสมัย และแข่งขันได้ในระดับสากล ภาครัฐจะทำหน้าที่กำหนดกรอบกฎหมายและโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นธรรม ขณะที่ผู้ประกอบการเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบขนส่งให้เชื่อมโยงเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งความสำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือที่แน่นแฟ้นของทั้งสองฝ่ายในการวางอนาคตร่วมกัน.

