สถานการณ์ฝนตกหนักในภาคใต้สร้างความกังวลต่อระบบการบินในหลายจังหวัด กระทรวงคมนาคมเปิดเผยมาตรการเข้มเพื่อรองรับความเสี่ยง หลังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประเมินว่า พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาสอาจเผชิญน้ำท่วมและดินถล่มจากฝนตกหนักมาก ขณะที่นครศรีธรรมราช กระบี่ ตรัง และสตูลยังมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากฝนอย่างต่อเนื่อง

น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมท่าอากาศยานเฝ้าติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยท่าอากาศยานทุกแห่งในภาคใต้ต้องเตรียมพร้อมปฏิบัติตามแผนบรรเทาสาธารณภัยอย่างเคร่งครัด พร้อมตรวจสอบพื้นที่รอบสนามบินเพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำกระทบต่อการขึ้นลงของอากาศยาน เจ้าหน้าที่ในสนามบินถูกกำชับให้ตรวจวัดระดับน้ำทั้งภายในและภายนอกสนามบินอย่างต่อเนื่อง ตรวจสอบรางระบายน้ำเพื่อไม่ให้เกิดการอุดตัน และเตรียมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองเพื่อรองรับกรณีระบบไฟฟ้าขัดข้อง

รมช.คมนาคมระบุว่า การเตรียมแผนฉุกเฉินเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ จึงได้มอบหมายให้กรมท่าอากาศยานสนับสนุนประชาชนในพื้นที่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นอำนวยความสะดวกให้เครื่องบินทหาร เครื่องบินแพทย์ และเครื่องบินของ ปภ. เข้าบินนำส่งอุปกรณ์หรือทีมช่วยเหลือ รวมถึงเตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อช่วยทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะและบ้านเรือนเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย

ด้านนายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน รายงานว่าท่าอากาศยานที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือท่าอากาศยานนราธิวาส ซึ่งฝนที่ตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำขังบริเวณหัวทางวิ่ง โดยกรมท่าอากาศยานร่วมกับป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ประสานขอกำลังสนับสนุนจาก ปภ. เขต 12 จังหวัดสงขลา เพื่อติดตั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกลเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่การบิน ป้องกันไม่ให้กระทบต่อความปลอดภัยของอากาศยานและผู้โดยสาร

สถานการณ์การเดินทางมายังสนามบินนราธิวาสยังคงได้รับผลกระทบ เส้นทางเข้าออกเปิดใช้ได้เพียงหนึ่งช่องทาง ขณะที่บริเวณลานจอดรถยนต์ถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถให้บริการได้ ส่วนสนามบินอื่นของกรมท่าอากาศยานในพื้นที่ภาคใต้ยังเปิดให้บริการตามปกติ ระดับน้ำบนพื้นผิวทางวิ่ง ทางขับ และลานจอดอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถใช้งานได้ ระบบระบายน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วมยังทำงานได้ดี

อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารในจังหวัดที่ประสบฝนตกหนักยังต้องใช้ความระมัดระวังในการสัญจร โดยเฉพาะรถขนาดเล็กที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง กรมท่าอากาศยานจึงแจ้งเตือนให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมายังสนามบินอย่างน้อย 3–4 ชั่วโมง พร้อมยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนทราบทันทีหากมีเหตุเร่งด่วน