ที่กระทรวงคมนาคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เข้ากราบลาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และกล่าวอำลาผู้บริหาร ข้าราชการในสังกัด หลังสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยนายสุริยะได้ย้อนถึงผลงานเกือบสองปีที่ผ่านมา ว่ากระทรวงคมนาคมได้เร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานในหลายมิติ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบรางซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการลดต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงจากการขนส่งทางถนน พร้อมแก้ปัญหาที่ประชาชนเผชิญในชีวิตประจำวัน เช่น การลดความแออัดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผ่านการติดตั้งเครื่องอำนวยความสะดวกและการเพิ่มช่องตรวจคนเข้าเมืองเพื่อให้การเดินทางคล่องตัวขึ้น
นายสุริยะกล่าวต่อว่า ภารกิจหลายอย่างยังคงค้างอยู่และจำเป็นต้องได้รับการสานต่อ โดยเฉพาะโครงการถนนพระราม 2 และทางด่วนพิเศษระหว่างเมืองสาย M82 ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ปัญหาจราจรติดขัดและเป็นเส้นทางหลักเชื่อมต่อสู่ภาคใต้ จึงอยากฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่เร่งเดินหน้าให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ พร้อมทั้งมอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นกำลังสำคัญในการติดตามงานอย่างใกล้ชิด
ในส่วนของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น นายสุริยะยอมรับว่าเป็นเรื่องที่รู้สึกเสียดาย เนื่องจากได้ผลักดันมาอย่างยาวนานจนเกือบถึงขั้นบังคับใช้ แต่ยังคงต้องรอการตัดสินใจของรัฐมนตรีคนใหม่ว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่ ขณะที่นางมนพรเสริมว่า นโยบายนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของกระทรวงคมนาคม โดยร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งเปรียบได้กับ “มวยที่ชกมาถึงยก 4 เหลือเพียงยก 5” หากกฎหมายเหล่านี้ผ่านความเห็นชอบก็จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญให้รัฐบาลใหม่สานต่อโครงการได้โดยไร้รอยต่อ
นอกจากนั้นยังมีกฎหมายที่รอการผลักดันต่อเนื่อง อาทิ ร่าง พ.ร.บ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่ไม่ได้รับการแก้ไขมานานกว่า 70 ปี และขณะนี้ผ่านการพิจารณาหลักการของวุฒิสภาแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารงาน ตลอดจนร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ที่เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงโครงการต่อเนื่องที่หากได้รับการสานต่อจากรัฐบาลใหม่ ก็จะช่วยสร้างความต่อเนื่องในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างแท้จริง