การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของไทยในไตรมาส 2 ปี 2568 ขยายตัวต่อเนื่องที่ 4.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นอย่างชัดเจนจากไตรมาสแรกที่เติบโตเพียง 0.2% ปัจจัยสำคัญมาจากการเร่งส่งออกไปยังตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ก่อนที่มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
สหรัฐฯ ซึ่งมีสัดส่วนตลาดประมาณ 10% ของการส่งออกสินค้าเกษตรไทย ขยายตัวแรงถึง 18.1% ขณะที่สหภาพยุโรปมีสัดส่วนราว 8% โต 13.3% ส่วนตลาดจีนซึ่งยังเป็นตลาดใหญ่ที่สุด คิดเป็น 24% ของการส่งออก ขยายตัวเพียง 2% จากการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อใช้ผลิตสินค้าส่งออก ขณะที่อาเซียนคิดเป็น 23% ฟื้นตัว 3.8% จากฐานต่ำ โดยมีแรงหนุนหลักจากน้ำตาลทราย
แม้ภาพรวมการส่งออกจะยังเป็นบวก แต่ในรายละเอียดพบว่าสินค้าเกษตรแท้ ๆ ซึ่งคิดเป็น 55% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ยังหดตัว 1.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยข้าวเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด มูลค่าลดลงกว่า 34.1% จากทั้งปริมาณและราคาส่งออกที่ร่วงลง โดยเฉพาะข้าวขาว 5% ที่หดตัวถึง 58% สวนทางกับข้าวหอมมะลิที่ยังขยายตัวได้ 25.2% จากดีมานด์ของสหรัฐฯ ขณะที่สินค้าเกษตรอื่นอย่างไก่สดและแปรรูปยังเติบโตต่อเนื่อง 11.2% จากคำสั่งซื้อของยุโรปและจีน มันสำปะหลังกลับมาขยายตัว 4.9% เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ตามการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นของจีน ส่วนยางพาราขยายตัว 4.3% โดยเฉพาะน้ำยางข้นที่จีนเร่งนำเข้ามากกว่าเท่าตัวเพื่อผลิตถุงมือยางส่งออกไปสหรัฐฯ
ในทางกลับกัน สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรซึ่งคิดเป็น 45% ของมูลค่าส่งออกรวม กลับเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 12.1% โดยน้ำตาลทรายพุ่งขึ้น 22.7% ตามผลผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้น อาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัว 9.1% จากความต้องการของสหรัฐฯ และยุโรป ขณะที่อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปเพิ่มขึ้น 2.8%
สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี 2568 และตลอดปี 2569 สินค้าเกษตรหลักหลายรายการยังเผชิญแรงกดดัน ข้าวมีแนวโน้มมูลค่าส่งออกทั้งปีลดลงแรงถึง 48% เหลือเพียง 3.2 พันล้านดอลลาร์ และจะลดต่อเนื่องในปี 2569 จากการแข่งขันด้านราคากับเวียดนามและอินเดีย ยางพาราอาจถูกกดดันต่อจากสงครามการค้าและเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว มันสำปะหลังแม้จะโตแรง 42% ในปีนี้ แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตและมีโอกาสหดเล็กน้อยในปีหน้า ส่วนผลไม้ยังเผชิญปัญหาจากมาตรการตรวจสอบคุณภาพของจีน โดยปี 2568 คาดหดตัว 2.5% แต่มีโอกาสกลับมาขยายตัวได้ 6.8% ในปี 2569 หากปัญหาคุณภาพคลี่คลาย ขณะที่ไก่สดและแปรรูปยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากความต้องการในตลาดยุโรป ญี่ปุ่น และจีน แม้จะต้องแข่งขันกับคู่แข่งสำคัญอย่างบราซิลที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า
Krungthai COMPASS ประเมินว่า แม้การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยยังเติบโตได้ในไตรมาส 2 แต่แรงกดดันจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่อัตรา 19% รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดโลก จะยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญในช่วงปี 2568–2569