ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ผ่านมา นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานที่ปรึกษาการประชุมคณะทำงานติดตามและแก้ไขปัญหาการส่งออกทุเรียนย้อมสีไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ครั้งที่ 13/2568 โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ไม่ว่าจะเป็นนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ นายถาวร ทันใจ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวนฤมล สงวนวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานฯ รวมถึงนางสาวอิงอร ปัญญากิจ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ และสำนักแผนงานและโครงการพิเศษ
การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นการติดตามและประเมินผลมาตรการควบคุมปัญหาการปนเปื้อนสารห้ามใช้ในทุเรียนผลสดที่ส่งออกไปยังประเทศจีน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเคยเกิดปัญหาทุเรียน “ย้อมสี” จนสร้างแรงกดดันต่อภาพลักษณ์ของทุเรียนไทยในตลาดจีน รัฐมนตรีเกษตรฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ไทยต้องเรียนรู้จากบทเรียนเดิม นำมาวิเคราะห์ทั้งอุปสรรคและช่องโหว่ เพื่อนำไปปรับปรุงและวางแผนรองรับฤดูกาลส่งออกครั้งต่อไปให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น
ที่ประชุมได้หารือถึงการบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะการสร้างระบบควบคุมคุณภาพในสวนผลไม้ การตรวจสอบย้อนกลับ และการยกระดับมาตรฐานการผลิตให้ได้ตามข้อกำหนดของจีน ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาซ้ำรอยในอนาคต และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและคู่ค้ารายใหญ่ในจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกผลไม้ที่สำคัญที่สุดของไทย
นายอรรถกรยังย้ำด้วยว่า มาตรการควบคุมคุณภาพจะต้องเข้มข้นต่อเนื่อง ไม่เพียงเพื่อรักษาภาพลักษณ์ทุเรียนไทย แต่ยังเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการและเกษตรกรไทย ซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชนบท นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ขยายกรอบการหารือไปถึงแนวทางเตรียมความพร้อมสำหรับการส่งออกลำไยไปจีนในฤดูกาลที่จะถึง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านคุณภาพซ้ำรอยทุเรียน และยกระดับมาตรฐานผลไม้ไทยทั้งระบบ
การประชุมครั้งนี้จึงสะท้อนถึงความจริงจังของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการยกระดับมาตรฐานผลไม้ไทยทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือในสายตาตลาดโลก โดยเฉพาะประเทศจีนที่ยังคงเป็นตลาดหลักและมีศักยภาพการเติบโตสูง หากไทยสามารถควบคุมมาตรฐานได้อย่างเข้มแข็ง ย่อมจะช่วยสร้างแต้มต่อในการแข่งขัน และขยายโอกาสส่งออกผลไม้ไทยในอนาคตอย่างยั่งยืน