นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ครั้งที่ 3/2568 ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ โดยเฉพาะกรณีทุเรียนแช่แข็ง ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องยื่นเอกสารหลักฐานประกอบทุกครั้งที่มีการนำเข้าและส่งออก เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าทุเรียนจากต่างประเทศแล้วนำมาบรรจุใหม่พร้อมอ้างว่าเป็นทุเรียนไทย อันเป็นการสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นในสินค้าเกษตรของประเทศ

มาตรการดังกล่าวถือเป็นการยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรไทย และต่อยอดจากการดำเนินการที่กระทรวงเกษตรฯ เคยประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้ เช่น มาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับการผลิตทุเรียนแช่เยือกแข็ง (มกษ. 9046-2560) และมาตรฐานการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุ (มกษ. 9070-2566) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ประเทศคู่ค้าได้บังคับใช้มาตรการเข้มงวดมากขึ้น โดยกำหนดให้ผู้ส่งออกทุเรียนต้องแนบรายงานผลการตรวจเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค โลหะหนักแคดเมียม และสารสีต้องห้าม Basic Yellow 2 (BY2) ในทุกชิปเมนต์ เพื่อป้องกันปัญหาการกีดกันทางการค้าและสร้างความมั่นใจให้กับตลาดต่างประเทศ

นอกจากประเด็นทุเรียนแล้ว ที่ประชุมยังได้เห็นชอบร่างมาตรฐานสินค้าเกษตรใหม่อีกหลายเรื่องเพื่อขยายขอบเขตการกำกับดูแล ได้แก่ การผลิตพืชโดยปลอดการเผาในกลุ่มพืชเศรษฐกิจหลักอย่างข้าว ข้าวโพด และอ้อยโรงงาน เพื่อแก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 โดยเริ่มจากมาตรการภาคสมัครใจก่อนจะพัฒนาไปสู่ข้อบังคับในอนาคต มันเทศซึ่งมีการกำหนดเกณฑ์คุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าสดตั้งแต่การเตรียม บรรจุ ไปจนถึงการควบคุมคุณภาพ หลักการปฏิบัติในการป้องกันและลดการปนเปื้อนสารหนูในข้าวเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและรักษาความเชื่อมั่นในตลาดโลก การจัดหมวดหมู่สินค้าเกษตรเล่มใหม่สำหรับอาหารแปรรูปจากพืช อ้างอิงมาตรฐานสากล Codex เพื่อรองรับการตรวจสอบและการค้า รวมถึงมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับศูนย์ผลิตน้ำเชื้อปศุสัตว์ ที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต บรรจุเก็บรักษา การดูแลสัตว์ ไปจนถึงการขนส่งและการบันทึกข้อมูล เพื่อรับประกันคุณภาพ ความปลอดภัย และความถูกต้องของข้อมูลพันธุ์สัตว์

การกำหนดมาตรฐานใหม่เหล่านี้สะท้อนความพยายามของภาครัฐในการยกระดับสินค้าเกษตรไทยทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือในตลาดโลก พร้อมทั้งเป็นการปิดช่องโหว่ของการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรเถื่อน และสร้างกลไกที่สอดคล้องกับมาตรการสิ่งแวดล้อมและการค้าสากลในอนาคต