ไปรษณีย์ไทยครองความเชื่อมั่นเกือบ 98% เดินหน้าเสริมศักยภาพรับพีกซีซั่นปลายปี ตอกย้ำผู้นำโลจิสติกส์ไทย

ไปรษณีย์ไทยตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านโลจิสติกส์ของประเทศ หลังได้รับคะแนนความเชื่อมั่นจากผู้ใช้บริการสูงถึง 97.92% ในปี 2568 เพิ่มขึ้นกว่า 6% จากปีก่อน สะท้อนความไว้วางใจที่มีต่อคุณภาพการให้บริการ ระบบงาน และศักยภาพเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมคาดการณ์ว่าปริมาณชิ้นงานในช่วงปลายปีและเทศกาลปีใหม่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแรงหนุนของอีคอมเมิร์ซและการใช้บริการขนส่งทั้งในและต่างประเทศ

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดปี 2568 ไปรษณีย์ไทยมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ เมื่อเทียบกับปี 2567 โดยนอกจากคะแนนความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ยังได้รับคะแนนความไว้วางใจ 98.26% และคะแนนภาพลักษณ์องค์กร 95.76% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนการเป็นองค์กรโลจิสติกส์ที่ผู้ใช้บริการหลากหลายกลุ่มเลือกใช้เป็นอันดับหนึ่ง ทั้งในด้านคุณภาพการให้บริการ การพัฒนาระบบดิจิทัล และการขับเคลื่อนกลยุทธ์ Parcel Defined Logistics ที่ออกแบบระบบขนส่งให้เหมาะสมกับพัสดุทุกประเภท

ไปรษณีย์ไทยยังให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และความผูกพันกับผู้ใช้บริการ ผ่านการสื่อสารเชิงคุณค่า เช่น การส่งต่อ “พัสดุใจ” ที่เชื่อมโยงความรู้สึก ความห่วงใย และความหมายดี ๆ ไปถึงผู้รับปลายทาง ควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีที่รองรับการจัดส่งตั้งแต่ขั้นตอนรับฝากจนถึงการนำจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

จากศักยภาพเครือข่ายที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ไปรษณีย์ไทยประเมินว่าปริมาณชิ้นงานในช่วงพีกซีซั่นปลายปีและช่วงปีใหม่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการขยายตัวของภาคธุรกิจและตลาดอีคอมเมิร์ซ พฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมซื้อสินค้าออนไลน์ในช่วงเทศกาล รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่เลือกใช้บริการส่งด่วนพิเศษ EMS และบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) ซึ่งล่าสุดได้ขยายบริการไปยัง สปป.ลาว นอกจากนี้ ยังมีบริการเฉพาะทางเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Travel Lite และ Travel Lite World สำหรับนักท่องเที่ยว รวมถึง EMS Jumbo สำหรับการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก หรือพัสดุที่มีลักษณะพิเศษ

ในด้านการเตรียมความพร้อมเชิงปฏิบัติการ ไปรษณีย์ไทยได้ใช้ศักยภาพของศูนย์ไปรษณีย์ 19 แห่งทั่วประเทศ และเครื่องคัดแยกพัสดุระบบ Cross Belt Sorter ที่สามารถคัดแยกพัสดุได้สูงสุดถึง 240,000 ชิ้นต่อวัน ช่วยให้การเตรียมนำจ่ายเป็นไปอย่างรวดเร็วตลอด 365 วัน ขณะเดียวกัน ยังมีเครือข่ายพนักงานไปรษณีย์กว่า 25,000 คน ที่ให้บริการรับฝากและนำจ่ายโดยไม่มีวันหยุด

ไปรษณีย์ไทยยังเดินหน้าขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน หรือ Sustainovation ผ่านการใช้ระบบดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง อาทิ ระบบติดตามพัสดุ บริการส่วนบุคคล กล่องจดหมายดิจิทัล Prompt Post และ Digital Post ID (D/ID) ซึ่งเป็นมาตรฐานการยืนยันตัวตนดิจิทัลระดับประเทศ ช่วยลดการกรอกข้อมูลซ้ำซ้อนและเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล รองรับปริมาณการใช้บริการที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายปีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.ดนันท์กล่าวทิ้งท้ายว่า ไปรษณีย์ไทยขอขอบคุณผู้ใช้บริการทุกคนที่ให้ความเชื่อมั่นมาโดยตลอด และในปี 2569 ยังคงพร้อมส่งมอบบริการที่มีคุณภาพ ควบคู่กับการสร้างความสัมพันธ์และส่งต่อความสำเร็จให้กับคนไทยทุกกลุ่ม พร้อมใช้ศักยภาพผู้นำด้านโลจิสติกส์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อไป