นับตั้งแต่ปี 2559 จีนมีแนวโน้มการนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น สาเหตุจากอุปสงค์ผลไม้เมืองร้อนที่มีมากขึ้นในประเทศ ข้อมูลล่าสุดปี 2566 การนำเข้าผลไม้ของจีนมีมูลค่ากว่า 16,850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2565 ผลไม้ที่จีนนำเข้าส่วนใหญ่จะเป็นทุเรียนสด (40%) เชอร์รี่ (16%) ทุเรียนแช่แข็ง (6%) กล้วยหอม (6%) มังคุด (4%) และมะพร้าว (4%)

 

แหล่งนำเข้าผลไม้ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในอาเซียน ได้แก่ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ประเทศเหล่านี้มีบทบาทอย่างมากในการค้าผลไม้อาเซียนในตลาดจีน ในปีที่ผ่านมาประเทศจากอาเซียนมีการแข่งขันกันเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นทุเรียนสดที่จีนมีการอนุญาตนำเข้าจาก ไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ในอนาคตการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจะมีเพิ่มขึ้นอีก หากมาเลเซียสามารถขออนุญาตส่งออกทุเรียนสดได้ในปีนี้

 

ปัจจุบันไทยขนส่งผลไม้ไปยังจีนได้หลากหลายชนิดเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอาเซียนอื่นๆ โดยเส้นทางบกในการขนส่งผลไม้มีการขนส่งทั้งเส้น R3A, R9, R12 และเส้นทางด่านรถไฟผิงเสียง ซึ่งเส้นทางเหล่านี้ไทยต้องขนส่งผ่านสปป.ลาว และเวียดนาม การพัฒนาความร่วมมือระหว่างจีนและประเทศดังกล่าว ไทยก็จะได้รับประโยชน์ในการขายสินค้าได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่โอกาสก็จะมาพร้อมกับความท้าทายเสมอ

 

ไทยไม่ได้มีพรมแดนติดกับจีน ทำให้ไทยไม่ได้รับสิทธิพิเศษบางอย่างที่จีนให้กับประเทศอาเซียนชายแดน เช่น นโยบายการค้าชายแดนในการยกเว้นภาษีนำเข้า และ VAT รวมทั้งประเทศเหล่านั้นมีต้นทุนค่าขนส่งผลไม้ที่ต่ำกว่า และระยะเวลาการขนส่งซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขนส่งผลไม้ที่น้อยกว่าไทย นอกจากนี้จีนยังมีความพยายามผลิตทุเรียนเองเพื่อหนุนความต้องการของตลาดในประเทศ

Cr: bangkokbiznews