คิวอาร์โค้ด หรือ QR Code ซึ่งย่อมาจาก ‘quick response’ หมายถึงการตอบสนองที่รวดเร็ว คิวอาร์โค้ดทำหน้าที่เหมือนกับบาร์โค้ด เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการดำเนินการต่างๆ เช่น ชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ทำแบบสอบถาม สมัครรับโปรโมชั่นส่วนลด ดาวน์โหลดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช็กอินที่โรงแรม เข้าถึงเว็บไซต์ และกดติดตามโซเชียลมีเดีย เพราะการยื่นสมาร์ตโฟนเพื่อสแกนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีดำนั้นง่ายกว่าการป้อน URL ที่ยาวมาก และแน่นอนว่าความสะดวกสบายนี้ได้ซ่อนข้อเสียที่ร้ายแรงไว้

ด้วยลิงก์ปกติ ผู้ใช้สามารถตรวจพบกับดักอันตรายได้ด้วยตาเปล่าและไม่หลงกลกดลิงก์นั้น เช่น การพิมพ์ผิด หรืออักขระเพิ่มเติมใน URL ของเว็บ การเปลี่ยนเส้นทางไปเว็บอื่นที่ซ่อนอยู่ โดเมนที่ผิดปกติ เป็นต้น แต่คิวอาร์โค้ดอาจพาผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ปลอม ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย และกรอกข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้ตั้งใจ

ตัวอย่างเหตุการณ์นี้ได้แสดงให้เห็นว่าคิวอาร์โค้ดเป็นอันตรายได้อย่างไร หญิงวัย 60 ปีในสิงคโปร์สแกนสติกเกอร์คิวอาร์โค้ดที่ประตูร้านกาแฟเพื่อรับชานมไข่มุกฟรีหนึ่งแก้ว กลายเป็นว่าอาชญากรไซเบอร์ได้ติดสติกเกอร์ไว้ โค้ดลวงนี้มีลิงก์ไปยังแอปแอนดรอยด์ของเธิร์ดปาร์ตี้ที่เธอคิดว่าไว้ทำแบบสำรวจ แต่แท้จริงแล้ว แอปนี้เป็นแอปอันตราย และทำให้เธอเสียเงินไปมากถึง 20,000 ดอลลาร์

จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ตัวเลขภัยคุกคามทางไซเบอร์ของประเทศไทยในปี 2566 สูงกว่าปี 2565 ถึง 114.25% ภัยร้ายสามอันดับแรก ได้แก่ การแฮกเว็บไซต์ การโจมตีเว็บไซต์เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เผยแพร่ และเว็บไซต์ปลอม

นายโยว กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยอีคอมเมิร์ซ ดังนั้นคิวอาร์โค้ดจึงแพร่หลายอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีการใช้คิวอาร์โค้ดในการติดตามและตรวจสอบข้อกำหนดของระบบในร้านค้า ร้านอาหาร และธุรกิจต่างๆ ภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นในประเทศนั้นมีความโดดเด่นทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ จึงขอแนะนำให้ผู้ใช้เพิ่มความระมัดระวัง สังเกตรูปแบบการกระทำที่ผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเดินทางท่องเที่ยว จับจ่ายใช้สอย ทำให้อาจลดมาตรการเพื่อความปลอดภัยทางไซเบอร์”

Cr: dailynews