สตาร์ทอัพสายเกษตร โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามจะพัฒนาภาคเกษตรของไทยให้พร้อมรับกับการแข่งขันและความต้องการอาหารของทั่วโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 ในปี 2050 ด้วยการพลิกโฉมไปสู่การเกษตรที่ทันสมัยและยั่งยืน

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการ NIA ยังเผยถึงมูลค่าการลงทุนในตลาดสตาร์ทอัพเกษตรที่มีอยู่กว่า 5.1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 1.7 ล้านล้านบาท โดยปีนี้ NIA ยังคงผลักดันให้เกิดสตาร์ทอัพด้านการเกษตรในระบบนิเวศอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการ AGROWTH ซึ่งจะเปิดรับสมัครสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกด้านการเกษตรที่มีศักยภาพเข้าร่วมโครงการ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ทดสอบการใช้งานจริง ตลอดจนปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคเกษตรร่วมกับบริษัทชั้นนำในภาคธุรกิจการเกษตร ซึ่งเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ถึง 10 พฤษภาคม 2567

3 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงลึกจากทั่วโลกที่น่าจับตาและเป็นแนวทางสำหรับสตาร์ทอัพไทยในอนาคต ดังนี้

1.     ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI)

2.     หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ

3.     เทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร

“จากที่กล่าวมา ทำให้เห็นได้ชัดว่า สตาร์ทอัพสายเกษตร มีตลาดขนาดใหญ่มากรองรับอยู่ ดังนั้น การที่สตาร์ทอัพของไทยได้ความรับสนใจจากนักลงทุนและได้รับเงินระดมทุน นับเป็นความสำเร็จที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีสามารถแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์ผู้ใช้งานจนเกิดการขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว

Cr: salika.co